วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

Tomboy (ทอมบอย)

Tomboy (ทอมบอย)
หนังเป็นเรื่องราวของเด็กใหม่วัย 10 ขวบ ที่ชื่อไมเคิล ซึ่งใช้เวลาช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเล่นกับเพื่อนๆ ผู้ชายในถิ่นที่อยู่ใหม่ และปิ๊งปั๊งกับเด็กสาวชื่อลิซ่า ซึ่งกว่า 90% ของตัวอย่างหนังเหมือนหนังป๊อปปี้เลิฟ ผสมฉากน่ารักใสๆ ของเด็กแบบแฟนฉัน แต่ในช่วงท้ายที่ของตัวอย่างหนังที่หักมุมฉับมากเมื่อผู้เป็นแม่รู้ความจริงว่าลูกเที่ยวโกหกคนอื่นๆ ว่าเป็นเด็กผู้ชายชื่อไมเคิล และจุดนี้เองที่ทำให้หนังดูน่าสนใจมากๆ ครับ
หนังเป็นผลงานเรื่องที่สองของผู้กำกับหญิงชาวฝรั่งเศส ซีลีน สคิมม่า ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีอย่างมาก และตัวหนังยังคว้ารางวัล Louis-Delluc award  ด้วย สคิมม่าพูดถึง Tomboy ว่า “มันจะเป็นหนังที่เรียบง่าย และถ่ายทำได้ในเวลารวดเร็ว  ทั้งตัวละครหลัก 2 คน สถานที่ และ 50 ฉาก ฉันวางแบบตัวหนังไว้ ให้ถ่ายทำได้เรียบง่ายและ มีเหตุผลรอบรับแข็งแรง  เรื่องราวของการโกหก และ ปกปิดซ่อนเร้นความลับของละคร  ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องเล่าที่มีพลัง มีความลึกลับ และน่าเอาใจช่วย  ตัวละครหลัก 2 คนที่มีเป้าหมายอย่างแรงกล้า  เรื่องราวที่ฉันสามารถจับเอาช่วงเวลาอันสดใสของวัยเด็ก  ให้ความรู้สึกความสมจริงราวกับสารคดี แต่มีเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้  ฉันมุ่งมั่นมากที่จะจับเรื่องรอบตัว  และ คำถามความสงสัยเกี่ยวกับเพศ  เรื่องราวของเด็กๆ ที่ยังอยู่ในวัยไร้เดียงสา  แต่ฉันคิดว่า เป็นช่วงเวลาชีวิตที่เต็มไปด้วยความใคร่รู้เรื่องเพศ  อารมณ์ที่คลุมเครือ ที่ฉันอยากจะเล่าสิ่งเหล่านี้ออกมา“


Tomboy (2011)

เรื่องราวของ ลอร่า ทอมบอยวัย 10 ปี เมื่อในละแวกบ้านใหม่ของเธอคิดว่าเธอเป็น เด็กผู้ชาย มันเป็นช่วงเวลาที่เธอได้สนุกกับการแกล้งว่าตัวเองคือเด็กผู้ชายจริงๆในชื่อ ไมเคิล ไม่มีใครเห็นความแตกต่างของเธอ จนเมื่อเด็กสาว ลิซ่า แอบหลงรักในตัวของไมเคิล นี่แหละความลับจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ตราบที่ ลอเรน แม่ของเธอยังคงปกปิดอยู่
.
สร้างความฮือฮามาแล้วในเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน เสียงตอบรับอย่างเกรียวกราวจากผู้ชม จนทำให้ภาพยนตร์อย่าง TOMBOY (ทอมบอย) กลายเป็นขวัญใจของทุกคนไปอย่างไม่ยาก  อาจเป็นเพราะ TOMBOY (ทอมบอย) มีความโดดเด่นกว่าเรื่องอื่นๆ ในสายภาพยนตร์เดียวกัน ความหนักใจอยู่ที่ตัวของผู้กำกับ Celine Sciamma (ซีลีน สคิมม่า) ที่ต้องคัดเลือกนักแสดงนำของเรื่อง ให้ต้องมีลักษณะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายเกือบจะทั้งหมด จากเด็กกว่า 1,000คนที่ถูกคัดเลือก และมีเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ก่อนจะถึงเส้นตายที่รัฐอนุญาตให้เด็กทำงานถ่ายทำในฤดูร้อนได้  แล้วผู้กำกับก็โดนใจ กับ Zoe Heran (โซ เฮรัน) ด้วยนิสัยบุคลิกแบบเด็กผู้ชาย เล่นฟุตบอลได้ และเธอมีความรู้สึกเป็นธรรมชาติมาก ใบหน้าที่ขึ้นกล้อง ด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ในหนังเรื่องนี้ จึงทำให้ TOMBOY (ทอมบอย) กลายเป็นหนังโดนใจใครหลายๆคน

Tomboy (2011)

Tomboy (2011)

Tomboy (2011)

Tomboy (2011)

Tomboy (2011)

Tomboy (2011)





Tree of Life คว้ารางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 64


ผลงานล่าสุดและล่าช้าของเทอเรนซ์ มาลิค เรื่อง The Tree of Life คว้ารางวัลปาล์มทองคำ หรือรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเมื่อสิ้นสุดเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 64 ครับ
หนังเป็นเรื่องราวดราม่าครอบครัวที่มีแบรด พิตต์, เจสซิกา แชสเทน และฌอน เพนน์ แสดงนำ ว่าด้วยเรื่องราวของความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกที่บอกเล่าผ่านภาพอันงดงามของการกำเนิดจักรวาลและไดโนเสาร์ ซึ่งระหว่างที่ฉายในเทศกาลนั้นก็มีนักวิจารณ์ส่วนหนึ่งที่ไม่ชอบ และโห่หนัง แต่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการที่มีโรเบิร์ต เดอ นีโร เป็นหัวหน้า มากกว่าเรื่องอื่นครับ
จากการวิเคราะห์ของนักวิจารณ์ที่ผมอ่านมา เช่น Empire Online บอกว่าเป็นตัวเลือกที่ “ไม่พลิกโผ” และเป็นตัวเลือกที่ดูจะปลอดภัยที่สุดสำหรับรางวัลใหญ่สุดของเทศกาล
อย่างไรก็ตาม แม้ The Tree of Life จะไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบที่สุด นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ก็เห็นสมควรว่าเป็นหนังที่คู่ควรจะชนะเลิศมากที่สุดเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นครับ เช่นจากความเห็นของนักวิจารณ์ใหญ่อย่างท็อด แม็คคาร์ธี บอกว่าเป็นหนังที่สร้างความประทับใจให้เขามากที่สุดในเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 64 นี้ ที่นอกจากมีความงามอย่างมากแล้วยังเป็นหนังที่กล้าเสี่ยงทางศิลปะด้วย
ผู้ชมในบ้านเราจะมีโอกาสได้พิสูจน์กันครับว่า The Tree of Life จะคู่ควรแก่รางวัลเพียงใด เพราะหนังมีกำหนดเข้าฉาย 7 กรกฎาคมนี้



The Tree Of Life
นำแสดง : แบรด พิตต์, ฌอน เพนน์, เจสซิก้า แชสเทน
กำกับ / เขียนบท : เทอร์เรนซ์ มาลิค
          หลังจากสร้างชื่อเสียงมานานกับการสร้างภาพยนตร์มากมายหลายเรื่องที่นำเสนอภาพที่ชวนติดตามของความรุนแรงของมนุษย์ บัดนี้ ผู้กำกับ/ มือเขียนบท เทอร์เรนซ์ มาลิค ได้นำจินตนาการอันโดดเด่นของเขามาสู่ภาพยนตร์เรื่อง The Tree Of Life ผลงานการสร้างของบริษัทริเวอร์ โร้ด ซึ่งนำแสดงโดย แบรด พิตต์, ฌอน เพนน์ และเจสซิก้า แชสเทน ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวฉายในอเมริกาในปี 2010
          ด้วยการวางเรื่องราวให้เกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ ในเซ็นทรัล เท็กซัส ในช่วงกลางยุค 1950 เรื่องราวของมาลิค ที่ถูกเรียกว่าเป็น ลำนำแห่งชีวิต เป็นการติดตามความเป็นไปของ แจ็ค เด็กชายอายุ 11 ปี หนึ่งในพี่น้องสามคน ที่ร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ก็คือ ไอรีน บีดาร์ด (The New World) และนักแสดงขาประจำของภาพยนตร์ Harry Potter อย่าง ฟีโอน่า ชอว์
          หลังจากเฟ้นหาตัวนักแสดงในบทสามพี่น้องไปทั่วประเทศ ฮันเตอร์ แม็คแคร็คเก้น (แจ็ค) และลารามี่ เอ๊พเพลอร์ และไท เชอริแดน ในบทสองน้องชายของแจ็คที่ชื่อ อาร์แอล และสตีฟ ถูกพบตัวในเมืองเล็ก ๆ ในเท็กซัส เด็กทั้งสามจึงได้ประเดิมงานแสดงภาพยนตร์ชิ้นแรกของพวกเขา
          ถึงแม้เรื่องนี้จะได้รับการพัฒนาสร้างมาอย่างช้า ๆ เป็นเวลายาวนาน มาลิคเริ่มลงมือเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้หลังจากที่เขาเปิดตัวฉายผลงานภาพยนตร์เอพิคในปี 2005 เรื่อง The New World
          The Tree Of Life อำนวยการสร้างโดย ซาร่าห์ กรีน, บิลล์ โพห์แล็ด, แบรด พิตต์, ดีดี้ การ์ดเนอร์ แล ะแกรนท์ ฮิลล์ ทีมผู้อำนวยการสร้างบริหารร่วมได้แก่ สตีฟ และพอล่า เม ชวาร์ทซ์ โดยมี อิวาน เบสส์, นิโคลาส กอนดา และแซนเดีย ชาร์ดานันด์ ทำหน้าที่เป็นแอสโซซิเอท โปรดิวเซอร์ ผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ โดนัลด์ โรเซนเฟลด์
          ทีมงานหลังกล้องประกอบไปด้วยบรรดาผู้ที่เคยร่วมงานกับมาลิคมาแล้วในอดีต อาทิเช่น ผู้กำกับภาพที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึง 4 รางวัล เอ็มมานูเอล ลูเบซกี้ (The New World, Children of Men, A Little Princess และ Sleepy Hollow), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ แจ็คเกอลีน เวสท์ (The Curious Case of Benjamin Button, Quills), โปรดักชั่นดีไซเนอร์ที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ แจ็ค ฟิสก์ (There Will Be Blood, Days of Heaven), ผู้ลำดับภาพที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว 2 รางวัล บิลลี่ วีเบอร์ (The Thin Red Line, Top Gun) เสริมด้วยทีมผู้ลำดับภาพ แดเนียล รีเซนดี้ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง City of God, มาร์ก โยชิกาว่า ซึ่งเคยร่วมงานกับมาลิคครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง The New World, เจย์ ราบิโนวิทซ์ (I'm Not There, 8 Mile), แฮงก์ คอร์วิน (The New World, Nixon) และซาร์ ไคลน์ (The Bourne Identity, เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง The Thin Red Line), อเล็กซานเดร เดสแพล็ท ซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง The Curious Case of Benjamin Button และ The Queen เป็นผู้ทำหน้าที่แต่งดนตรีประกอบให้


The Tree Of Life

The Tree Of Life

The Tree Of Life

The Tree Of Life

The Tree Of Life

The Tree Of Life

The Tree Of Life

Norwegian Wood ความรัก ความตาย และเธอ


Norwegian Wood




ตัวอย่าง Norwegian Wood
 
 
Norwegian Wood
ยาว : 133 นาที
แนว : รัก
นำแสดง : เคนอิจิ มัตสึยาม่า (Death Note, L: Change the World), ริงโกะ คิคุจิ (Babel, The Brother Bloom, Shanghai), เคนโกะ โคระ (The Inugamis, Sad Vacation, Sabu), เท็ตสึจิ ทามายาม่า (Nana, Kafoo: Waiting for Happiness)
กำกับ : ตรัน อานห์ ฮุง
บทภาพยนตร์ : ตรัน อานห์ ฮุง (The Scent of Green Papaya, Cyclo)
ดนตรีและเพลงประกอบ : จอห์น กรีนวู้ด (There Will Be Blood)
อำนวยการสร้าง : ชินจิ โอกาว่า (Ping Pong, The Ring 0: Birthday, Honey & Clover)
เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์
 
 
          จากบทประพันธ์ของ ฮารุกิ มุราคามิ ที่ตราตรึงอยู่ในใจของใครหลายคน สู่ภาพยนตร์รักโรแมนติก
เรื่องย่อ Norwegian Wood
          Norwegian Wood คือเรื่องราวของความรัก ความตาย และหัวใจที่แตกสลาย สร้างจากนวนิยายของ ฮารุกิ มุราคามิ ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1987 และถูกแปลไปกว่า 33 ภาษาทั่วโลก ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกโดย ตรัน อานห์ ฮุง ผู้กำกับที่เคยได้รับรางวัลสิงโตทองคำจาก Cyclo และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จาก The Scent of Green Papaya นำแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่ง เคนอิจิ มัตสึยาม่า (Death Note, Detroit Metal City), ริงโกะ คิคุจิ ที่เคยเข้าชิงออสการ์จาก Babel และนักแสดงหน้าใหม่ คิโกะ มิสุฮาระ
          กรุงโตเกียวในยุค 60 นักศึกษารวมตัวเพื่อประท้วงการทำสงคราม ชีวิตส่วนตัวของ โทรุ วาตานาเบะ ก็อยู่ในความว้าวุ่นเช่นกัน ถึงแม้เขาจะทุ่มเทหัวใจให้กับรักแรกอย่าง นาโอโกะ ผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความคิด แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเกิดจากความตายของเพื่อนสนิทเมื่อหลายปีก่อน วาตานาเบะใช้ชีวิตโดยได้มีความตายติดตามไปทุกหนทุกแห่ง จนกระทั่ง มิโดริ ผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยชีวิต มีความมั่นใจในตัวเอง และเป็นเหมือนด้านสว่างของ นาโอโกะ ก้าวเข้ามาในชีวิตเขา วาตานาเบะจึงต้องเลือกระหว่างความรักในอดีตและชีวิตในอนาคต


 
Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Norwegian Wood

Restless เขาและเธอที่เเตกต่าง



Restless ::: "กัส แวน แซนท์" ผู้กำกับคุณภาพของวงการ กำลังจะกลับมาพร้อมหนังวัยรุ่นแนวดราม่าขายวงกว้างเรื่องราวของเด็กหนุ่มสาว คู่หนึ่งที่มาตกหลุมรักกัน ฝ่ายชายเป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องของพิธีศพ และชักชวนฝ่ายหญิงให้เข้ามาในโลกของเขา โลกที่เขาได้พบกับวิญญาณนักบินในสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังนำแสดงโดย "มีอา วาสิโคฟสกา" แห่ง Alice In Wonderland เข้าฉายในอเมริกากลางปีนี้

The story of a terminally ill teenage girl who falls for a boy who likes to attend funerals and their encounters with the ghost of a Japanese kamikaze pilot from WWII.

Director: Gus Van Sant
Writer: Jason Lew
Stars:Mia Wasikowska, Henry Hopper and Ryo Kase




Diary Of A Wimpy Kid 2 Rodrick Rules (2011) ไดอารี่ของเด็กไม่เอาถ่าน 2 เสียทีร็อดดริก



Diary Of A Wimpy Kid 2 Rodrick Rules (2011)
ไดอารี่ของเด็กไม่เอาถ่าน 2 เสียทีร็อดดริก

เรืองย่อ
หลังรอดพ้นจากการพาตัวเองไปแตะต้อง “ชีสเน่า” ได้เป็นผลสำเร็จ เกร็กก้าวขึ้นสู่ชั้นเรียนใหม่พร้อมกับความมั่นใจและ.มิตรภาพที่เหนียวแน่นยิ่งขึ้น แถมยังแอบปิ๊ง ฮอลลี ฮิลส์ สาวน้อยหน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามา แต่ที่บ้านของเขา เกร็กยังต้องรบรากับร็อดดริกพี่ชายตัวแสบอยู่ร่ำไป ดังนั้นพ่อแม่ของทั้งคู่จึงลงโทษขั้นเด็ดขาดเท่าที่พวกเขาจะนึกได้ ด้วยการปล่อยให้พี่น้องคู่นี้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น











River Queen-สายธารรัก ผูกใจไม่ห่างกัน



นักแสดง/Actors :
- Samantha Morton
- Kiefer Sutherland
- Cliff Curtis
- Temuera Morrison
- Stephen Rea
- Anton Lesser
- Rawiri Pene

ผู้กำกับ/Directors : - Vincent Ward

ซาราห์ (ซาแมนธา มอร์ตัน) ลูกสาวผู้รักอิสระของศัลยแพทย์ชาวไอริช ในค่ายทหารของดินแดนอาณานิคมนิวซีแลนด์ ตกหลุมรักถึงขึ้นได้เสียกับหนุ่มชาวเผ่าเมารี ขณะที่เธอตั้งครรภ์ เขาก็ด่วนเสียชีวิตด้วยโรคร้าย ซาราห์ตั้งชื่อลูกของเธอว่า บอย (ราวีนี เพนนี) และสร้างครอบครัวจำลองขึ้นในค่ายทหาร ด้วยความช่วยเหลือของพันตรีหนุ่ม (คีเฟอร์ ซุทเธอร์แลนด์)
แต่ความสุขชั่วครู่ของเธอ แตกดับลงเมื่อชาวเผ่าเมารีบุกเข้ามาชิงตัว บอย เพื่อนำไปเลี้ยงตามวิถีดั้งเดิม ท่ามกลางความขัดแย้งทางวัฒนธรรม ซาราห์ไม่ลดละความพยายามที่จะได้พบลูก และสร้างบ้านขึ้นมาอีกครั้ง การต่อสู้ของเธอเป็นความงาม ขณะเดียวกันก็สะท้อนปัญหาช่องว่างที่ดำรงอยู่











วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

In My Father's Den-ห้องลับ ปริศนารัก


ชื่อหนัง : In My Father's Den-ห้องลับ ปริศนารัก
ประเภท/Type : Drama/Romance Suspense Mystery/Thriller
นักแสดง/Actors : Matthew MacFadyen/ Miranda Otto /Emily Barclay /Colin Moy /Judie Rimmer
ผู้กำกับ/Directors : Brad McGann
เรื่องย่อ
ภาพยนตร์คุณภาพ ที่กวาดรางวัลในสาขาต่างๆเมากถึง 19 รางวัล!!! ใน 8 เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ
พอล พริเออร์.(แมทธิว แม็คฟาดีน).ตัดสินใจกลับบ้านเกิดหลังจากที่จากมา 17 ปีเต็ม เมื่อพ่อของเขาตาย พอลกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับชุมชนหรือแม้กระทั่งครอบครัวตัวเอง วันหนึ่งเขาได้พบที่ลับร้างแห่งหนึ่งบนที่ดินของพ่อ และ.รู้ความจริงกับธุรกิจที่ผิดกฏหมายพร้อมกับสาวน้อยอายุ 16 ปีที่มีชื่อว่า "ซีเลีย".(เอมิลี่ บาร์เคลย์).ที่ใช้ชีวิตหลบซ่อนอยู่ในนั้น ความสัมพันธ์ของเขาและ.เธอค่อยๆเเริ่มก่อตัวขึ้นจนเป็นคู่รัก โลกดูเหมือนจะสดใสขึ้น ชีวิตเหมือนมีความหวัง ทว่าการหายตัวไปของซีเลีย ทำให้เขาเริ่มพบความจริงที่เจ็บปวด ความลับ การหักหลัง โศกนาฏกรรมในครอบครัว ทั้งหมดคือเสิ่งที่เขาต้องเผชิญและ.ผ่านมันไปให้ได้



DON’T TELL เปิดปาก...ถ้าอยากเจ็บ


DON’T TELL เปิดปาก...ถ้าอยากเจ็บ 8 มิถุนายน นี้ในโรงภาพยนตร์
PRODUCTION NOTE
ชื่ออย่างเป็นทางการ                  DON’T TELL เปิดปาก...ถ้าอยากเจ็บ

ประเภท                           Drama
ความยาว                          120 นาที
ผู้กำกับ                            คริสติน่า  โคเมนชินี
นำแสดงโดย                        ซาบีน่า จิโอวานน่า  เมซโซจิออโน
ฟรังโก้                            อเลสซิโอ  โบนี
เอมิเลีย                           สเตฟาเนีย  ร็อคคา
มาเรีย                            แองเจล่า  ฟิน็อคคิอาโร
เข้าฉาย                           8 มิถุนายน 2549
จากนวนิยายเรื่อง  “La bestia nel cuore” หรือ”Don’t tell  โดย คริสติน่า โคเมนชินี
เรื่องย่อภาพยนตร์
DON’T TELL ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนวนิยายเล่มล่าสุดของ คริสติน่า  เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ซาบีน่า นักแสดงที่ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพเท่าใดนัก เธออยู่กินกับ ฟรังโก้ ซึ่งมีอาชีพนักแสดงเช่นกัน  พวกเขารักกันและมีชีวิตที่สุขสงบ ในค่ำคืนหนึ่ง  ฝันร้ายได้นำซาบีน่าย้อนเวลากลับไป  ความฝันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่รบกวนจิตใจ น่ากลัว  และรุนแรง  ซึ่งเกิดขึ้นในวัยเด็ก  ชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกับความสัมพันธ์กับฟรังโก้ ซาบีน่าต้องการหาความกระจ่างเกี่ยวกับความฝัน  และได้ปรึกษา

เอมิเลีย เพื่อนรัก เอมิเลียเป็นเด็กสาวที่สูญเสียการมองเห็นและแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว  ด้วยความช่วยเหลือของเอมิเลีย  ซาบีน่าพยายามเรียกความทรงจำอันเลือนลางกลับคืนมา  เธอตัดสินใจเดินทางไปหา แดเนียล  พี่ชายของเธอที่อเมริกา  เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาหลายปีแล้ว  ซาบีน่า
หวังว่าการเดินทางของเธอจะทำให้เธอค้นพบความจริง  ขณะเดียวกัน โชคชะตาของคนที่เธอทิ้งไว้เบื้องหลังดูเหมือนว่าจะเข้ามาเกี่ยวพัน  ราวกับว่าการค้นหาความจริงของซาบีน่าเกี่ยวข้องกับพวกเขาเหล่านั้น
ซาบีน่า  เป็นสาวสวย  มีแฟนซึ่งรักเธอและมีชีวิตสุขสงบ……..
แต่เธอมีความสุขจริงๆ หรือ  เธอเริ่มพบพานฝันร้ายที่แปลกและน่ากลัว
หน้าต่างความทรงจำของซาบีน่าเปิดไปสู่โลกภายในจิตใจหลังจากที่เธอพบว่าตนเองตั้งท้อง  ชีวิต

“วัยเยาว์”  ความเชื่อที่เคร่งครัดที่ทำให้ชนชั้นกลางเลื่อนฐานะขึ้นมาได้
แต่นี่เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น
ความลับยังคงรบกวนเบื้องลึกของจิตใจ……
ภาพยนตร์เรื่อง “Don’t Tell เปิดปาก...ถ้าอยากเจ็บ”  เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับปัจจัยความปกติ  ความรักแบบรุนแรง  แรงจูงใจและความปรารถนา

INTERVIEW
คริสติน่า โคเมนชินี (ผู้กำกับการแสดง)
ภาพยนตร์เรื่อง Don’t Tell มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนวนิยายเล่มล่าสุดของฉัน  เป็นเรื่องเกี่ยวกับซาบีน่า นักแสดงที่ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพเท่าใดนัก เธออยู่กินกับฟรังโก้ซึ่งมีอาชีพนักแสดงเช่นกัน  พวกเขารักกันและมีชีวิตที่สุขสงบ

ในค่ำคืนหนึ่ง  ฝันร้ายได้นำซาบีน่าย้อนเวลากลับไป  ความฝันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่รบกวนจิตใจ        น่ากลัว  และรุนแรง  ซึ่งเกิดขึ้นในวัยเด็ก  ชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกับความสัมพันธ์กับฟรังโก้
ซาบีน่าต้องการหาความกระจ่างเกี่ยวกับความฝัน  และได้ปรึกษาเอมิเลียเพื่อนรัก เอมิเลียเป็นเด็กสาวที่สูญเสียการมองเห็นและแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว  ด้วยความช่วยเหลือของเอมิเลีย  ซาบีน่าพยายามเรียกความทรงจำอันเลือนลางกลับคืนมา  เธอตัดสินใจเดินทางไปหาแดเนียล  พี่ชายของเธอที่อเมริกา  เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาหลายปีแล้ว  ซาบีน่าหวังว่าการเดินทางของเธอจะทำให้เธอค้นพบความจริง  ขณะเดียวกัน โชคชะตาของคนที่เธอทิ้งไว้เบื้องหลังดูเหมือนว่าจะเข้ามาเกี่ยวพัน  ราวกับว่าการค้นหาความจริงของซาบีน่าเกี่ยวข้องกับพวกเขาเหล่านั้น
นักแสดงแต่ละคนมีคาแรคเตอร์อย่างไรในภาพยนตร์เรื่องนี้?
ซาบีน่า เป็นหัวใจของหนัง  ส่วนนักแสดงอื่นๆ มีความสำคัญรองลงมา  ฟรังโก้  เอมิเลีย  มาเรีย (เพื่อนร่วมงานของซาบีน่า ซึ่งสามีที่อยู่ร่วมกันมานาน 20 ปีทิ้งเธอไปหาสาวอายุคราวลูก)  และแดเนียล     ตัวละครทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับความขมขื่นของซาบีน่า  แต่ทุกคนก็ไม่ได้ผูกพันกับเธอและมีชีวิตเป็นของตนเอง  ตัวละครเอกเป็นราวกับพาหนะที่ทำให้เนื้อเรื่องดำเนินไป  ขณะเดียวกัน  ตัวละครแต่ละตัวก็เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ในภาพยนตร์

ถ้าหากคุณต้องบรรยายภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวลา 1 นาที  คุณจะเลือกฉากใดในภาพยนตร์?  และหากคุณต้องบรรยายหนังสือเพียง 1 หน้า  คุณจะเลือกหน้าใด?
ถ้าหากฉันต้องบรรยายภาพยนตร์ใน 1 นาที  ฉันคงต้องเล่าว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่ประสบฝันร้ายซึ่งนำเธอไปสัมผัสกับเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เธอไม่รู้  และทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  หลังจากที่ค้นพบความจริง  เธอสามารถเริ่มต้นชีวิตได้อีกครั้ง  การค้นพบความจริงที่เจ็บปวดเป็นเรื่องที่ตัวละครทุกตัวมีส่วนร่วม  แต่ละคนสามารถสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้หลังจากที่ความจริง  ถูกเปิดเผยแล้ว  ช่วงเวลาที่ตรึงเครียดที่สุดในภาพยนตร์  และบทสรุป  คือการที่แดเนียลถูกบังคับให้สารภาพความจริงต่อซาบีน่า
แม้แต่ในหนังสือ  ช่วงที่สำคัญที่สุดคือ ช่วงที่ความจริงได้รับการเปิดเผย  ทั้งในหนังสือและในภาพยนตร์  ฉันต้องการบรรยายถึงมุมมืดที่อยู่ในตัวเราทุกคน  เป็นสิ่งที่เรามีติดตัวนับแต่วัยเยาว์หรือก่อนหน้านั้น  จุดเริ่มต้นของอารมณ์  ความรัก  ความสัมพันธ์  และพลังซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์  มิได้มีความหมายแฝงในทางบวกหรือลบแต่อย่างใด  และเติมเต็มความว่างเปล่าของเรา  เรื่องราวของซาบีน่าและแดเนียลเกี่ยวข้องกับตัวละครทุกตัว  และทำให้พวกเขาค้นพบด้านมืด
คุณคิดว่าสิ่งที่ยุ่งยากระหว่างการผลิตภาพยนตร์คืออะไร?
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความซับซ้อนมาก  เราใช้เวลาในการถ่ายทำ 11 สัปดาห์  ท่ามกลางฤดูหนาวในอเมริกา อังกฤษ โรม ในเขตซาเลนโตและซิเนซิตต้า ซึ่งเป็นที่ที่เราถ่ายทำเอ็ฟเฟคในน้ำมากที่สุด      นับเป็นงานที่เหนื่อยยาก และต้องใช้พลังงานเนื่องจากเป็นภาพยนตร์ที่มีความซับซ้อน พลังอำนาจ และเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก  ระหว่างการถ่ายทำ  ฉันถามตัวเองว่าความจริงอยู่ที่ไหนและจะเปิดเผยในภาพยนตร์อย่างไร?  ในหนังสือ  คุณไม่จำเป็นต้องเปิดเผยทุกอย่าง  คุณมีเครื่องมือและเวลาที่จะนำไป  สู่ความลึกของเนื้อหาได้  จากมุมมองนี้  ผลงานของนักแสดงจึงมีความสำคัญมาก  และพวกเขาก็สร้างคาแร็กเตอร์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี  นักแสดงทุกคนอ่านหนังสือ  และรู้คาแร็คเตอร์ตัวเองมากกว่าที่ต้องแสดง  พวกเขายังอนุรักษ์นิยมมากด้วย  ไม่ยอมให้ฉันเปลี่ยนอะไรเลยขณะที่ฉันรู้สึกว่าจำเป็นต้องดัดแปลงบางส่วน  นักแสดงทุกคนเข้าถึงก้นบึ้ง  และทำให้ตัวละครเข้าถึงจิตใจส่วนลึกของมนุษย์

ปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งในภาพยนตร์คือ ฉาก  เราทำงานร่วมกับ “ความงาม” อย่างใกล้ชิดเนื่องจาก Don’t Tell เป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตศาสตร์มากกว่าความเป็นจริง  สิ่งที่ตรงกันข้ามกันคือมีเพียงฉากของรายการโชว์ทางทีวีที่ดูเหมือนจริง  เนื่องจากทีวีกลายเป็นสื่อเผยแพร่ชีวิตจริงในปัจจุบัน  ฉากอื่นๆ ได้รับการสร้างสรรค์เพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยเฉพาะ “บ้านแห่งความตาย”  บ้านในวัยเยาว์     ให้ความรู้สึกเกี่ยวกับด้านจิตใจ
มีฉากใดบ้างที่คุณรู้สึกผูกพัน?
มีหลายฉาก  ฉากหนึ่งที่เต็มไปด้วยบรรยากาศคือฉากที่เอมิเลีย (สเตฟาเนีย  ร็อคคา)  เกลี้ยกล่อม    มาเรีย (แองเจล่า  ฟิน็อคคิอาโร)  เป็นเทคที่ถ่ายทำยาวและต่อเนื่อง  เป็นฉากที่อบอุ่นมาก ดูสมจริงและน่าเชื่อถือ  ทั้งอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรู้สึก

นอกจากนี้ มีฉากที่แดเนียลสารภาพกับซาบีน่า  ก่อนการสารภาพเป็นฉากท่ามกลางพลุซึ่งซาบีน่าวิ่งและตะโกนบอกพี่ชายว่าเกิดอะไรขึ้น  ฉากนี้ถ่ายทำเพียงสองเทคเนื่องจากจิโอวานน่า  เมซโซจิออโนมีความมุ่งมั่นมากและเธอสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว
ฉากฝันร้ายถ่ายทำหลายเทค  แรกสุดฉันถ่ายทำเด็กเล็กๆ  เป็นเรื่องยากมาก  แต่ฉันก็ไม่ต้องการทำให้เธอเสียใจ  ฉากนี้แทรกขึ้นในฉากห้องสังหาร  เรื่องราวทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นจริงและนิยาย  นับเป็นส่วนของภาพยนตร์ที่ฉันให้ความสนใจเป็นพิเศษ  ฉากนี้ไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ระหว่างการถ่ายทำแต่สมบูรณ์ระหว่างการตัดต่อ
คุณรู้สึกอย่างไรที่งานเขียนมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์?
ฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องสร้างภาพยนตร์จากหนังสือที่ฉันแต่ง  นวนิยายของฉันมักเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลานาน  และมีความเสี่ยงที่เนื้อหาเหล่านี้จะกลายเป็นนิยายประวัติศาสตร์บนแผ่นฟิล์ม นอกจากนี้แล้ว  ฉันชอบเขียนนวนิยายเนื่องจากสามารถเน้นความสนุกสนานที่บริสุทธิ์ด้วยคำพูด  ซึ่งต่างกับฟิล์ม  อย่างไรก็ตาม  ในกรณีนี้มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามามีบทบาท  ภาพยนตร์มีอยู่ในหนังสืออยู่แล้วเนื่องจากตัวละครคือนักแสดง  เนื้อเรื่องจะครอบคลุมเวลาสั้นลง  อาทิ การตั้งครรภ์เก้าเดือน  ฉันคิดว่าภาพยนตร์สามารถเพิ่มสิ่งใหม่ลงไปในหนังสือ  นักแสดงประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลงตัวละคร  มีการอิสระในการเคารพต้นฉบับ  แต่กระนั้นก็ตาม  แม้ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงต่างๆ  ปัจจัยที่เราเลือกและบรรยากาศหนังที่มี  ทำให้เมื่อฉันดูภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง  ฉันรู้ราวกับว่าบรรยากาศในหนังสือปรากฏในภาพยนตร์เช่นกัน

แล้วเอฟเฟคน้ำล่ะครับ?
นั่นเป็นปัญหาที่เราต้องเผชิญกับพาโอล่า (โคเมนชินี — ผู้ออกแบบการผลิต)  รวมทั้งทีมงานและบริษัท ผู้ผลิต  ไม่มีใครในอิตาลีที่มีประสบการณ์ถ่ายทำในน้ำ  แม้แต่ วาจอยท์ ก็ใช้เอฟเฟคดิจิตอลเข้ามาช่วย  แต่สำหรับเราใช้ฉากน้ำท่วมในบ้านจริงๆ  ในสตูดิโอ 5 ของซิเนซิตตา  เรามีฉากบ้านที่ใช้ถ่ายทำฝันร้าย  แต่ฉากนั้นไม่สมจริงเนื่องจากบ้านมีรูปทรงแตกต่างจากความทรงจำ  ไม่มีทางเดินโถง  ห้องเปลี่ยนตำแหน่ง  ในทางภูมิศาสตร์แล้วเป็นเรื่องไม่สมจริงแต่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก   เรื่องนี้เป็นความคิดของพาโอล่า  และนับเป็นความคิดที่วิเศษ  นอกเหนือจากการถ่ายทำฉากบ้านที่บิดเบือนจากความทรงจำแล้ว  เรายังสร้างส่วนหนึ่งของบ้านบนนั่งร้านที่มีน้ำอยู่ข้างใต้  สิ่งเหล่านี้ให้ผลต่างกัน  ส่วนหนึ่งประกอบด้วยการลดระดับยกพื้นให้อยู่ในน้ำ และมีเฟอร์นิเจอร์อยู่ข้างบน  ซึ่งดูเหมือนจะปลอดภัยและจมอยู่ใต้น้ำจนมิด  ครั้งแรกที่เราลดระดับยกพื้น  บรรดาเฟอร์นิเจอร์ลอยกระจัดกระจาย  แรงของน้ำทำให้ทุกอย่างคว่ำลง  เราต้องยึดเฟอร์นิเจอร์กับพื้น  หนังสือ สมุด  ทุกอย่างที่เป็นส่วนหนึ่งของบ้าน  และในที่สุดเราก็สามารถได้เอฟเฟคที่ต้องการ นับเป็นเรื่องน่าสนใจในการถ่ายทำภาพยนตร์ที่ใช้      เอฟเฟคเช่นนี้

คุณค้นพบอะไรระหว่างการตัดต่อหรือไม่  และสิ่งที่คุณไม่เคย ”เห็น” เมื่อคุณเขียนหนังสือและถ่ายทำภาพยนตร์?
การค้นพบอันยิ่งใหญ่ระหว่างการตัดต่อ คือ “บ้านแห่งความตาย”  โดยทั่วไปฉันมักจะมีการตัดต่อในหัวอยู่แล้วระหว่างการถ่ายทำ  แต่ฉากฝันร้ายออกมาหลังจากที่เรารวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดแล้ว  ส่วนอื่นที่เหลือในภาพยนตร์ฉันมีประสบการณ์ในที่ถ่ายทำ  ฉากส่วนใหญ่ได้รับการสร้างขึ้นระหว่างการถ่ายทำ  และไม่ต้องถ่ายหลายเทค  ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีความรู้สึกแห่งความเป็นเพื่อนนับตั้งแต่ต้นเรื่อง  นักแสดงมักจะใช้เวลาด้วยกันเป็นเวลานาน  พวกเขาไปทานอาหารเย็นด้วยกัน  แม้แต่สเตฟาเนียและ   ร็อคก้าก็แต่งตัวคล้ายกัน  สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงละครซึ่งเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างกลุ่มนักแสดง  ผู้กำกับ  และทีมงาน
จิโอวานน่า  เมซโซจิออโน (ซาบีน่า)
คุณช่วยพูดอะไรเกี่ยวกับซาบีน่า  ตัวละครที่คุณนำแสดงหน่อยครับ?
ซาบีน่าเป็นตัวละครซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทั้งหมด  ชีวิตที่สงบสุขของเธอเริ่มเปลี่ยนไปนับแต่เธอรู้ว่าตั้งท้อง  เธอต้องเผชิญกับฝันร้ายซึ่งปลุกความทรงจำที่เลือนลางขึ้นมา  เธอตระหนักว่าเธอสูญเสียความทรงจำส่วนหนึ่งในอดีตและตัดสินใจไปเยี่ยมพี่ชายที่อเมริกา  เนื่องจากต้องการที่จะหาความกระจ่างในความรู้สึกและครอบครัวของเธอ  ซาบีน่าจำต้องยอมรับความจริงเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่  กลายเป็นแม่คน  และแก้ไขความสัมพันธ์กับฟรังโก้  เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ถูกทอดทิ้งไประหว่างเกิดเหตุวิกฤตการณ์

คุณเตรียมตัวรับบทดังกล่าวอย่างไร? คุณอ่านนิยายของคริสติน่าด้วยหรือไม่?
ในการเตรียมตัวรับบทซาบีน่า  ฉันอ่านหนังสือของคริสติน่าก่อนอ่านบทละคร  ฉันพบว่าเป็นบทที่แรง มีพลัง และยาก  ฉันรอบทละครด้วยความเข้าใจเนื่องจากเป็นการยากที่จะเขียนบทให้ดีเท่ากับในหนังสือ  แต่ในกรณีนี้  บทได้สะท้อนบรรยากาศในหนังสือ  โดยเฉพาะการแทรกชีวิตตัวละคร  เหตุการณ์ที่ค่อยๆ คลี่คลาย  การค่อยๆ แก้ปัญหา

ฉันเตรียมตัวภายใต้คำแนะนำของคริสติน่า  เนื่องจากฉันไม่ชอบการเตรียมตัวเพียงลำพัง  ฉันให้ความไว้วางใจผู้กำกับ  ผู้กำกับมักจะรู้จริงว่าควรจะถ่ายทำภาพยนตร์อย่างไร  และถ้าฉันยอมรับบทก็หมายความว่าฉันเคารพและเชื่อถือผู้กำกับ  คริสติน่ารู้จริงเกี่ยวกับการแสดงซึ่งต้องไม่เป็นธรรมชาติและไม่  แสแสร้ง ซึ่งแตกต่างจากที่เคยพบในภาพยนตร์อิตาลี  เหล่านี้ไม่ได้เป็นการแสดงทั่วไป  เพียงแต่    หลบเลี่ยง “ความสกปรก” ซึ่งกลายเป็นแฟชั่นในปัจจุบัน  ตอนต้นของภาพยนตร์เป็นเรื่องยากเนื่องจากเราออกเดินทางไปอเมริกาเลย  หลังจากนั้นก็ไปอังกฤษเพื่อถ่ายทำฉากกับหลุยกี โล่  คาสซิโอ  ซึ่งรับบทเป็น  แดเนียล  พี่ชายของฉัน  เราต้องเข้าถึงจุดสำคัญของภาพยนตร์  ตอนที่แดเนียลสารภาพกับ ซาบีน่า  เป็นช่วงเวลาที่ความจริงเปิดเผยออกมา  ซึ่งเป็นฉากที่ซับซ้อนที่สุดสำหรับฉัน  ฉันรู้สึกกังวล  แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี  การกำกับการแสดงของคริสติน่าฉับไว  และเธอเปิดเผยและให้ความสนใจกับนักแสดง  พร้อมที่จะตอบข้อสงสัยและคำถาม  หลุยกีและฉันก็เข้ากันได้ดี  แม้ว่าเราจะไม่เคย  รู้จักกันและไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน
มีฉากใดที่ผลักดันคุณหรือไม่?  ถ้ามี  เพราะเหตุใด?
แน่นอนต้องเป็นฉากที่ถ่ายทำในอเมริกา  และโดยเฉพาะฉากที่แดเนียลว่าเกิดอะไรขึ้นในครอบครัว  และนับจากนั้น  ซาบีน่าก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป  อันที่จริง  การค้นพบความจริงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน  แต่ค่อยๆ เปิดเผยผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในจิตใจของซาบีน่า  แรกสุดคือฝันร้ายเมื่อเธออยู่ที่โรม  และความรู้สึกไม่ดีที่มีต่อแฟนหนุ่ม  ความจริงที่เธอไม่สามารถมีเซ็กส์กับเขา  จากนั้นเป็นการเดินทางไปอเมริกา  ซึ่งเธอได้พบกับพี่ชายหลังจากที่ไม่ได้พบกันมาเป็นเวลาหลายปีและเริ่มตระหนักว่าความจริงแล้วเขาเป็นใคร  แดเนียลมีปัญหาเรื่องการสัมผัสทางกาย  เขาไม่สามารถกอดน้องสาวได้เมื่อพบกันที่สนามบิน  ปัญหาเหล่านี้สร้างเงื่อนไขด้านความสัมพันธ์กับภรรยาและลูกๆ ของเขา  ช่วงแรกซาบีน่าไม่สามารถนำรายละเอียดเหล่านี้มาปะติดปะต่อกัน  แต่ภายหลังทุกสิ่งก็มารวมกัน  เหล่านี้เป็นผลมาจากคำพูดของภรรยาแดเนียลที่กล่าวตอนเทศกาลปีใหม่  คำพูดนี้ปลุกความเข้าใจของซาบีน่าที่เธอคิดทุกวันทุกนาที  และในที่สุดก็ระเบิดออกมา  ก่อให้เกิดผลที่รุนแรง  จากนั้นแดเนียลก็สารภาพ    พี่น้องใช้เวลาด้วยกันทั้งคืน  นับเป็นช่วงเวลาที่ตรึงเครียด  และฉันคิดว่าผลที่เกิดขึ้นมีอานุภาพมากและเราประสบความสำเร็จในการสร้างสิ่งที่เหมือนจริง

อเลสซิโอ  โบนี  (ฟรังโก้)
คุณรับบทอะไรในภาพยนตร์เรื่องนี้?
ฟรังโก้ครับ  เป็นแฟนหนุ่มของซาบีน่า  ฟรังโก้เป็นนักแสดง   คริสติน่า โคเมนชินีรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมน้อยมาก  เธอยอมรับว่าไม่ได้ดูทีวีมากนักและจำบทของผมที่เล่นในเรื่อง Incantesimo ไม่ได้  ฟรังโก้เป็นคนมีระเบียบวินัย  เขาเชื่อในสิ่งที่ตนเองทำ  เขาต้องการทำงานในโรงละครและภาพยนตร์เท่านั้น  เขาเกลียดทีวี  ผมพบว่าตนเองสะท้อนในบทฟรังโก้เนื่องจากฟรังโก้ถูกบังคับในทำงานละครทีวี  รับบทเป็นหมอ  เช่นเดียวกับที่ผมเป็นในเรื่อง Incantesimo ซาบีน่าก็เป็นนักแสดงเช่นกันและสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าฟรังโก้  เธอทำงานอัดเสียงภาพยนตร์และเป็นคนดูแลอพาร์ตเมนท์และจ่ายค่าน้ำค่าไฟ       ในช่วงแรกของหนัง  ฟรังโก้ไม่สามารถยอมรับได้  เขาไม่ได้ทำงานเป็นเวลานานและตัดสินใจที่จะเข้าพบผู้กำกับทีวี  และทำสิ่งที่ตรงข้ามกับความคิดของนักแสดง  ผู้กำกับแอนเดรียที่รับบทโดยกุยเซปเป้  แบททิสตันดึงดูดใจฟรังโก้มาก  เขาเป็นคนสนุก  ซื่อสัตย์  และมีอารมณ์ขันในบางครั้ง  สมัยใหม่และเฉลียวฉลาด  ฟรังโก้ตัดสินใจรับบทในละครทีวี  เขาตัดสินใจ “กบฎต่อความคิด”  ความเปลี่ยนแปลงของฟรังโก้ในเรื่องงานเกี่ยวพันกับความเปลี่ยนแปลงที่แสนเศร้าของซาบีน่า  เริ่มจากฝันร้ายไปจนถึงความพยายามในการค้นหาความจริงที่เจ็บปวด  ตัวละครทุกตัวในเรื่องเปลี่ยนแปลง  และทุกคนไม่เหมือนเมื่อก่อนเมื่อภาพยนตร์จบลง  สิ่งนี้นับเป็นความงามของภาพยนตร์ในทางแยกของชีวิตตัวละครสำคัญ 6 คน  แม้แต่เมื่ออ่านนวนิยาย  ผมก็สะดุดชีวิตประจำวันค่อยๆ เปิดเผยออกมา  ผ่านอารมณ์ความรู้สึกซึ่งมักไม่แสดงออกมา  และมักจะอยู่ในส่วนลึกของตัวละครแต่ละตัว  ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้

คุณเข้ามารับบทนี้ได้อย่างไร?
เป็นงานที่ผมทำร่วมกับคริสติน่า  เธอสร้างตัวละครฟรังโก้  เธอเขียนนิยายและบทและกำกับภาพยนตร์  ดังนั้นเธอรู้จักกับตัวละครทุกตัวเป็นอย่างดี  ฉากทุกฉาก  แม้แต่ฉากที่ดูเหมือนจะง่าย  เป็นส่วนสำคัญของฟรังโก้ที่มีต่อคริสติน่า

เมื่อผมอ่านนิยายและบทภาพยนตร์  สิ่งที่ขับเคลื่อนผมก็คือคำสารภาพของแดเนียลต่อน้องสาว  นับเป็นฉากที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ทำให้ผมเป็นผู้ดูและผู้ชม  จากฉากที่ถ่ายทำ  ผมไม่สามารถพูดได้ว่าฉากใดดีที่สุด  เนื่องจากทุกช่วงเวลาในฉากต้องใช้สมาธิและความจริงจังอย่างมากเพื่อจะได้เข้าใจสิ่งที่คริสติน่าต้องการดึงออกมาจากตัวฟรังโก้  ส่วนไหนที่เธอต้องการนำมาแสดงต่อผู้ชม  ทุกเรื่องที่เธอรู้อย่างถูกต้องแน่นอน  การทำงานร่วมกับคริสติน่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม  ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเขียนหนังสือและหันมาเขียนบทละครพร้อมกำกับภาพยนตร์ได้  ความเข้าใจที่ผู้กำกับมีต่อนักแสดงในกรณีนี้นับเป็นเรื่องน่าพึงพอใจสำหรับนักแสดง  ทำให้ไม่มีฉากใดที่โดดเด่นเหนือฉากอื่นๆ
สเตฟาเนีย  ร็อคคา (เอมิเลีย)
เอมิเลียคือใคร?
เป็นหญิงสาววัย 30 ปีซึ่งตาบอดตั้งแต่เมื่ออายุได้ 20 ปี  ซึ่งเธอยังไม่สามารถรับได้  และใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว  เธอเป็นคนเจ้าอารมณ์ที่เชื่อในเรื่องความรู้สึก  สัมพันธภาพและความรักเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเธอ  ฉันคิดว่าความพิการทางตาได้ให้ความหมายหลายอย่าง  เธอเป็นคนที่เชื่อในเรื่องความ

ทรงจำ  จากช่วงเวลาที่เธอค้นพบว่าตนเองตาบอด  เธอเริ่มประทับใจทุกอย่างที่เธอสามารถมองเห็นได้ในความทรงจำ  เธอเป็นหญิงที่มีทั้งความเข้มแข็งและอ่อนแอ
คุณเตรียมตัวรับบทนี้อย่างไรบ้าง? ผมเห็นมีฉากหนึ่งที่พิเศษและยาก  ฉากที่คุณติดอยู่กับเครื่องทอผ้า ซึ่งเป็นความรู้สึกของคุณ  และต้องขยับมือไปมาขณะที่จ้องดูแต่ติดอยู่กับที่
เอมิเลียพยายามที่จะเป็นอิสระในทุกๆ ทาง  ทำให้เธอปฏิเสธที่จะออกไปพบปะผู้คน  หรือจะออกไปกับคนที่เธอรู้จักเป็นเวลานานแล้วเท่านั้น  เธอยังเป็นอิสระในการทอผ้าซึ่งทำให้เธออยู่ติดบ้านและไม่ออกไปไหน  สำหรับบทนี้  ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเพื่อนคนตาบอดในปารีส  ฉันเริ่มทำงานร่วมกับพวกเขา  ฉันเริ่มฝึกฝนทุกอย่างที่เด็กทำเมื่อมองไม่เห็น  ฉันพยายามใช้เวลาสองหรือสามชั่วโมงต่อวันด้วยการหลับตา  กระทั่งฉันสามารถทำได้สองวันเต็มๆ  คุณจะได้รับมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับชีวิต วัน แสงสว่าง เวลา กำหนดการ  มุมมองของคุณที่มีต่อพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง  บริษัทผู้ผลิตได้จ้างครูมาช่วยฝึกการใช้เครื่องทอผ้า  ตอนแรกฉันเรียนรู้การใช้ด้วยการเปิดตา  จากนั้นฉันเริ่มหลับตาเพื่อให้ได้ความชำนาญและรู้สึกกับเครื่องทอผ้าและด้ายเช่นเดียวกับคนตาบอด
เอมิเลียมีความรู้สึกเกี่ยวกับความรักอย่างไร?
สำหรับเอมิเลียแล้ว  ความรักผูกพันกับความทรงจำ  ความรักตอบแทนที่เธอมีให้กับซาบีน่าเป็นผลจากความจริงที่ว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมานาน  เธออยู่กับซาบีน่าตลอดช่วงเวลาที่เจ็บปวดและอยู่ข้างกาย    ซาบีน่า  การได้มีส่วนร่วมในความทรงจำกับซาบีน่าทำให้เธอรู้สึกแข็งแกร่งขึ้น  และทำให้เธอรู้สึก    เจ็บปวด  สร้างความรู้สึกทอดทิ้งและอิจฉาริษยา

และความเตรียมตัวของคุณ? ประสบการณ์กับชุมชนคนตาบอดในปารีสเป็นอย่างไรครับ?
นับเป็นงานที่น่าสนใจมาก  ทำให้ฉันได้ติดต่อกับโลกที่ฉันไม่รู้จัก  ฉันตระหนักว่าคนเหล่านี้มีความ    มุ่งมั่นที่จะยอมรับเงื่อนไข  แต่พวกเขาก็ซ่อนโทสะไว้ภายใน  ฉันได้เรียนรู้ว่าการมีชีวิตโดยไม่สามารถมองเห็นได้เป็นอย่างไร  ตัวอย่างเช่น  เด็กหญิงตาบอดนำฉันไปตามทางที่เธอกลับบ้าน  ซึ่งเป็นเรื่องที่คนตาบอดรู้ดีที่สุด  ฉันถูกเอาผ้าปิดตาและเป็นเรื่องน่าสนใจที่ได้ค้นพบว่าคนตาบอดต้องทำเครื่องหมายสำหรับตนเอง  การเคลื่อนไหวของคนไปตามทางเป็นไปตามกลิ่นและเสียง  เนื่องจากการได้ยินและประสาทรับรสทำให้คุณ “มองเห็น”  และสร้างภาพสิ่งแวดล้อมขึ้นในใจคุณ

แองเจล่า  ฟิน็อคคิอาโร (มาเรีย) - กุยเซปเป้  แบททิสตัน (ผู้กำกับแอนเดรีย  เนกรี)
คุณแองเจล่า ฟิน็อคคิอาโร  ในภาพยนตร์เรื่องนี้คุณรับบทเป็นมาเรีย  ผู้กำกับภาพยนตร์  ซึ่งสามีทอดทิ้งไปใช่หรือไม่?
แองเจล่า
….ฉันกำลังจะร้องไห้….
เป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือ….คุณช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้ได้หรือไม่?
แองเจล่า
สามีของมาเรียไม่เพียงแต่ทิ้งเธอไป  แต่ทิ้งเธอไปหาลูกสาวของเพื่อนซึ่งอายุน้อยกว่าเธอถึง 30 ปี  นับจากเวลานั้น  มาเรียกลายเป็นหญิงสาวที่มีชีวิตขาดวิ่น  เธอได้รับบาดเจ็บทางใจ  ขมขื่นจากความแค้นที่เธอมีต่อสามีเนื่องจากการถูกทอดทิ้งก่อให้เกิดแผลเป็นในชีวิตของเธอ  ตอนนี้เราหันไปคุยกับกุยเซปเป้ แบททิสตันเกี่ยวกับบทของเขาดีหรือไม่? มาเรียมีบางอย่างต้องแลกเปลี่ยนกับเขา  และปฏิบัติต่อเขาอย่างย่ำแย่…..

กุยเซปเป้
ผมรับบทเป็นผู้กำกับซึ่งคริสติน่า โคเมนชินี กล่าวว่าเป็นคนที่มีความสามารถ  และถูกบังคับให้กำกับรายการทีวี  ละคร  เพื่อความอยู่รอด  เขารู้สึกสิ้นหวังเนื่องจากความต้องการส่วนลึกคือกำกับภาพยนตร์  อย่างไรก็ดี  การพบกับฟรังโก้ทำให้เขาค้นพบความต้องการในชีวิตและเริ่มเขียนบทภาพยนตร์  บทของผู้กำกับแอนเดรียไม่ค่อยถูกทำนองคลองธรรมนัก  เขาเป็นตัวละครที่สูบบุหรี่จัด  ใช้ภาษาหวือหวาและกล่าวคำหยาบ  แต่ก็เป็นเรื่องจริง

คุณเตรียมตัวในบทของคุณอย่างไร? คุณพึ่งหนังสือหรือไม่?
แองเจล่า
ฉันพึ่งหนังสือมาก  ฉันไม่เพียงแต่อ่านแล้วอ่านอีก  แต่ยังเขียนทุกอย่างที่บรรยายเกี่ยวกับความคิดของคนอื่นที่มีต่อมาเรีย  และความคิดของมาเรียที่มีต่อตนเอง  ความสัมพันธ์ที่เธอมีต่อรูปกายภายนอก   ฉันพยายามที่จะประพันธ์และสร้างสรรค์เพื่อสร้างตัวละครของมาเรีย  จากจุดนี้ฉันพบว่านวนิยายเป็นฐานที่สำคัญ

กุยเซปเป้
สำหรับผมแล้วผมใช้วิธีตรงกันข้าม  ก่อนอื่น ผมอ่านบทละคร  จากนั้นอ่านหนังสือเพื่อให้เข้าใจตัวละครมากขึ้น  และค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวละครแอนเดรีย เนกรี  ตัวอย่างเช่น  ความไม่ลงรอยเกิดจากนิยาย และกลายเป็นลักษณะที่แตกต่างของแอนเดรียในภาพยนตร์

ขณะที่คุณถ่ายทำ  มีฉากใดที่ผลักดันคุณมากที่สุดหรือไม่?
แองเจล่า
ความจริงแล้ว  การเข้าถึงของตัวละครแต่ละตัวในแต่ละฉากผลักดันฉัน  มีฉากที่เคร่งเครียดและ

ปลดปล่อย  แต่ก็มีความรุนแรงในการนำเสนอทุกช่วงของภาพยนตร์
กุยเซปเป้
ผมมีความผูกพันกับฉากที่เนกรีอุ้มแดเนียลิโอในอ้อมแขน  ทำให้ผมอุ้มเด็ก  มองเขา  และพูดกับเขา  ผมคิดว่าฉากนี้บอกหลายอย่างเกี่ยวกับแอนเดรีย  เป็นเรื่องที่ผมจำได้ว่าเต็มไปด้วยอารมณ์มากที่สุด  เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันเดียวและความรู้สึกก็บดบังผมในบางครั้ง  แต่ผมก็มีความสุขที่ได้ทำ

หลุยกี โล่  คาสซิโอ (แดเนียล)
คุณเข้ามารับบทแดเนียลได้อย่างไร?
บทของแดเนียลแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนหลัก  ส่วนหนึ่งปิดบังและอีกส่วนหนึ่งเปิดเผย  ส่วนที่ปิดบังยังคงเป็นปริศนาและไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผม  มีบางสิ่งที่นักแสดงสามารถเข้าใจได้  และบางสิ่งที่ผมคิดว่าไม่สามารถเข้าใจได้  ตัวอย่างเช่น  คุณสามารถเข้าใจความโศกเศร้าเนื่องจากเราทุกคนประสบกับการสูญเสียคนรัก  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับแดเนียลก่อให้เกิดผลหลายอย่างในรูปแบบที่คุณไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้น มิใช่ทางหนังสือหรือสัญชาติญาณ  ส่วนที่สองของตัวละครคือส่วนที่เปิดเผยเป็นตัวแทนผลของเหตุการณ์ที่มีต่อแดเนียล  ผมจดจ่ออยู่กับผลที่ตามมา  เป็นผลที่เราสามารถเห็นได้ในภาพยนตร์ นั่นคือ แดเนียลเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในอเมริกา     ตั้งอยู่ใกล้กับวอชิงตัน  ในนวนิยาย  มีการบรรยายรายละเอียดมากมายจากการที่แดเนียลตัดสินใจยึด

อาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัย  แต่ในภาพยนตร์มีการเล่าผ่านรูปลักษณ์และเรื่องส่วนตัว  เราต่างเข้าใจว่าการที่แดเนียลตัดสินใจยึดอาชีพนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อของเขา  ซึ่งเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนไฮสคูล  แดเนียลซึ่งมีความสามารถมากกว่าพ่อต้องการพิสูจน์ว่าวัฒนธรรมและชีวิตสามารถไปด้วยกันได้
เมื่อเราเห็นแดเนียลปรากฎตัวครั้งแรกในภาพยนตร์  เขาถูกกีดกัน  เขาไม่สามารถติดต่อกับลูกๆ หรือแม้แต่สัมผัสพวกเขาได้  เขามีปัญหาแม้แต่การแตะต้องตัวเอง  สิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งในภาพยนตร์ก็คือความพยายามของแดเนียลในการที่จะใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวด  ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเมื่อคุณต้องพบพานกับเรื่องบอบช้ำ  เราสามารถลืมทุกสิ่ง  หรือพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น  ขุดมันออกมา  และพยายามสร้างสิ่งใหม่บนซากความบอบช้ำ  การเดินทางมาถึงของซาบีน่าทำให้แดเนียลต้องเผชิญกับความไม่แน่ใจว่าจะ  เล่าชะตากรรมที่ทั้งคู่พานพบ ให้กับน้องสาวฟังดีหรือไม่  ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับแดเนียลคือความต้องการแก้แค้น  ซึ่งนำเขาไปสู่การตัดสินใจที่เย็นชาเกี่ยวกับพ่อ  แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี  เขายังรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง  แม้ว่าจะดูเว่อร์เกินไป  แต่ผมก็เชื่อว่าเป็นความรู้สึกของมนุษย์ปุถุชน
มีฉากใดที่ผลักดันคุณเป็นพิเศษหรือไม่?  มีช่วงเวลาใดที่คุณรู้สึกว่าคุณเข้าถึงตัวละครมาก
ที่สุด? และหากมีเพราะเหตุใดจึงเป็นช่วงเวลานั้น?
โดยปกติผมไม่ใช้คำว่า “เข้าถึงตัวละคร”  สำหรับผมแล้ว  ตัวละครมักจะเป็นอีกชีวิตหนึ่งที่ผมให้ที่อาศัย  ผมออกมายืนข้างๆ  และให้การสนับสนุนตัวละครทั้งทางกายภาพและทางเสียง  ประสาทสัมผัส  ความ

รู้สึกและสติปัญญา  และให้ตัวละครนี้มีชีวิตอยู่  เพื่อให้ตัวละครดังกล่าวไม่เป็นเพียงแค่ความคิดที่อยู่ในใจนักประพันธ์หรือผู้กำกับ  ความสัมพันธ์ของผมกับตัวละครตั้งอยู่บนสัญชาตญาณซึ่งเกิดขึ้นในขณะนั้น  เราค่อยๆ รู้จักแดเนียล  ทั้งในนวนิยายและบนแผ่นฟิล์ม  เขาเป็นคนเข้าใจยาก  ไม่พูดหรือสื่อสาร  เขาเก็บความลับและในที่สุดก็สารภาพอย่างหมดเปลือก  เป็นเรื่องง่ายสำหรับผมที่จะบอกว่าฉากที่ผลักดันผมมากที่สุดคือฉากที่ผมพูดทุกอย่างกับซาบีน่า  เนื่องจากเป็นเรื่องของความรู้สึก  เขากลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับน้องสาว  และทะลายกำแพงขวางกั้นออกไป  แดเนียลเปิดเผยตัวตนในช่วงเวลานั้น  และฉากที่เราเห็นก่อนหน้านั้นเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการสารภาพ  อย่างไรก็ตาม  ผมยังถูกผลักดันจากฉากที่ภรรยาพยายามช่วยให้ผมรับรู้ความรู้สึกของการเป็นพ่อ  เพื่อให้แดเนียลมีความสัมพันธ์กับลูกแบบปกติโดยปราศจากการปิดบัง  ช่องว่างระหว่างกัน  และความหวาดกลัว  ทั้งคู่อยู่ในฉากซึ่งแม่พยายามนำลูกชายมาอยู่ต่อหน้าแดเนียลเพื่อให้เขาจูบลูกก่อนนอน  และเขากอดลูก  ผมชอบแนวทางที่ฉากวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์จริงกับสิ่งที่แสดง ฉากนั้นไม่สามารถหยุดยั้งได้  เป็นเหมือนการเล่นละครใบ้  การแสแสร้งเป็นพ่อไม่มีผลลึกซึ้ง  นั่นไม่ใช่ปัญหาภายนอก  แต่มีส่วนที่ลึกกว่าที่จะต้องทำ  ซึ่งแน่นอนว่าเริ่มต้นขึ้นหลังการสารภาพความจริง
มีความแตกต่างในการกำกับโดยผู้หญิงกับผู้ชายหรือไม่?  ในความคิดของคุณมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
ไม่มีครับ  ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กำกับและนักแสดงตั้งอยู่บนพื้นฐานที่แตกต่าง  บนบทบาทที่เฉพาะเจาะจง  และบนความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาที่อาจมีอยู่หรือไม่มีก็ได้  องค์ประกอบคือ ผู้กำกับและนักแสดง  ผู้สร้างและผู้สื่อความหมาย  ส่วนหลังอาจมีความสามารถในการนำบางอย่างที่ค้นพบผ่านตัวละครออกมาก ซึ่งผู้กำกับอาจไม่เห็นมาก่อน  เพศชายหรือเพศหญิงอาจจะมีบทบาทต่อการกำหนดบุคลิกของผู้กำกับ  แต่เรื่องเพศไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดงและผู้กำกับ
พาโอลา  โคเมนชินี (ออกแบบการผลิต)
คุณช่วยเล่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคริสติน่าหน่อยครับ?
ฉันทำงานร่วมกับคริสติน่าในภาพยนตร์ทุกเรื่องของเธอ  ความสัมพันธ์ระหว่างเราแข็งแกร่งมากนับแต่เริ่มต้น  เนื่องจากเรารู้จักกันมาเป็นเวลานาน  ฉันทำงานเข้ากันได้ดีกับซาบีน่า  เธอเป็นคนที่มีความรู้และรู้ว่าผลที่ต้องการคืออะไร  ในภาพยนตร์เรื่องนี้  ฉากจะต้องไม่สมจริงหรือเหนือจริงเกินไป  ดังนั้นเราจึงพยายามทำทุกอย่างแบบง่ายๆ และไม่พลิกแพลง  ไม่เว่อร์เกินไป  แต่ก็สร้างสไตล์ให้กับทุกคน

ฉากที่เราสร้างในสตูดิโอ 5 ของซิเนซิตต้าไม่ใช่ฉากจริง  แต่เป็นส่วนหนึ่งของความฝันและความทรงจำ  เป็นสถานที่เรียบง่าย  บ้านของชนชั้นกลางที่ไม่มีอะไรโดดเด่น  แต่แฝงด้วยความไม่สงบและลึกลับ
เราใช้เวทีนี้ซึ่งสามารถสนองวัตถุประสงค์สองอย่าง  ด้านหนึ่งคือเรื่องการก่อสร้าง  และอีกด้านหนึ่งคือ
กับดักเช่นสระว่ายน้ำ  ซึ่งเราเติมน้ำครึ่งหนึ่งเพื่อสร้างเอฟเฟคน้ำท่วม  บ้านของชนชั้นกลางที่ดูครั้งแรกไม่มีอันตรายอะไร  กลับเป็นบ้านแห่งฝันร้ายและถูกน้ำท่วม
การตีความหมายบทภาพยนตร์ของผู้ออกแบบการผลิตอยู่ในระดับใด?  ในการร่วมงานกัน
คุณมีอิสระในการออกแบบฉากตั้งแต่ต้นหรือคริสติน่าเป็นผู้ให้ไอเดีย  และการตัดสินใจของเธอเป็นไปตามสิ่งที่คุณเสนอ?

ความคิดของคริสติน่าค่อนข้างเคลียร์  เธอรู้ว่าเธอต้องการอะไร  แต่เธอก็ยินดีรับฟังคำแนะนำและความคิดเห็นซึ่งอาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบทละครเช่นเดียวกับผู้กำกับทุกคน  ผู้ออกแบบการผลิตจะต้องเพิ่มเติมบางอย่างเข้าไปในภาพยนตร์  มีผู้กำกับหลายคนที่มีทุกอย่างอยู่ในหัวและในรายละเอียดอยู่แล้ว  แต่ก็เป็นส่วนน้อย
ความร่วมมือระหว่างฝ่ายออกแบบการผลิตและฝ่ายออกแบบเครื่องแต่งกายเป็นอย่างไร?
จำเป็นจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเช่นเดียวกันกับช่างภาพ  จะต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในด้านความตั้งใจ และความต้องการที่จะผลิตภาพยนตร์ด้วยกัน  มิฉะนั้นคุณจะเสี่ยงกับการที่ได้ผลงานที่ออกมาไม่ดี

ถ้าหากในภาพยนตร์แต่ละเรื่องคุณจะต้องตีความนวนิยาย  ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เช่นกัน  ฉากจะต้องสะท้อนภาวะที่อยู่ในจิตใจใช่หรือไม่?
มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่น่าดูมากกว่าอีกหลายเรื่อง  เช่นเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน  และยังมีภาพยนตร์พีเรียดที่คุณต้องสร้างยุคทั้งหมด  ผมรักภาพยนตร์ทุกประเภท  ในความคิดของผม  คุณจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลิตผลงานแต่ละครั้งเพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย
คุณเตรียมตัวสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไร?
จุดเริ่มต้นคือบทภาพยนตร์  ซึ่งจะให้ข้อมูลเบื้องต้นแม้ว่าจะไม่ละเอียดนักก็ตาม  คนในยุคต่างๆ และ ชนชั้นต่างๆ ที่มีอาชีพแตกต่างกันสามารถอาศัยอยู่ในบ้านที่แตกต่างกันหลายแบบ  ผู้ออกแบบการผลิตจะต้องเลือกสรร  และต้องเข้าใจผลที่ต้องการให้ออกมา  ต้องเลือกว่าจะจัดวางตัวละครในฉากปกติหรือสร้างฉากที่แปลกและไม่เหมือนใคร  เหล่านี้เป็นเรื่องที่จะต้องตัดสินใจร่วมกันกับผู้กำกับ

เช่นเดียวกับบ้านของเอมิเลียที่มีเครื่องทอผ้าใช่ไหมครับ?
งานของเอมิเลียอยู่ในบทอยู่แล้ว  เว้นเสียแต่ว่าผู้เขียนบทจะบรรยายฉากอย่างละเอียด (ซึ่งมักไม่ค่อยมี)  และบ้านทั้งหมดจะเข้ากันได้กับตัวละครบางตัว  ถ้าเป็นผู้ออกแบบการผลิตคนอื่นก็อาจจะสร้างสรรค์บ้านของเอมิเลียอย่างแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง  การสร้างสรรค์ไม่ได้เป็นไปตามหลักคณิตศาสตร์  แต่ละคนสามารถมีแรงบันดาลใจของตนเองได้

คุณเคยคิดที่จะเขียนหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบการผลิตหรือไม่?
เคยเหมือนกัน  น่าจะเป็นเรื่องสนุกนะ  ฉันอยากจะเขียนในลักษณะเป็นคู่มือเนื่องจากทุกคนเข้าใจอยู่แล้วว่างานประกอบไปด้วยอะไรบ้าง  ทุกคนรู้ว่านักออกแบบเวทีละครต้องทำอะไรบ้าง  เนื่องจากเขาต้องออกแบบฉากที่ได้รับการก่อสร้าง  แต่ผู้ออกแบบการผลิตภาพยนตร์จะต้องทำงานหลายอย่าง

เขาต้องทำงานเป็นมัณฑนาการออกแบบภายนอก  ออกแบบภายใน  ฉากในสตูดิโอ  หรือฉากจริง
ต้องเลือกรถยนต์ที่จะผ่านเข้าฉาก  หรือพูดได้อีกอย่างว่าพวกเขาต้องทำงานภายใต้ปัจจัยหลายประการในเวลาเดียวกัน
แอนโตเนลลา  เบอร์ราดี (ออกแบบเครื่องแต่งกาย)
คุณจะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคริสติน่าอย่างไร?
ฉันไม่ได้ร่วมงานในภาพยนตร์เรื่องแรกของคริสติน่า  แต่ได้รับการติดต่อจากผู้อำนวยการสร้างสำหรับภาพยนตร์เรื่องที่สอง  ช่วงแรก  การพบกับคริสติน่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก  ต้องกำหนดแน่นอน  แต่ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง  คริสติน่าเต็มไปด้วยความคิด  แต่เธอก็ยินดีรับฟังคำแนะนำของคนอื่น  ผมชอบที่จะทำงานกับเธอ  นอกจากนี้ผมยังมีความสัมพันธ์อันดีกับพาโอล่าอีกด้วย  ทั้งเธอและผมได้พัฒนาความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดหลังจากทำงานมาด้วยกันหลายเรื่อง  ตัวอย่างเช่น  เราร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง ลา ทราวิเอต้า ในเมืองฟลอเรนซ์  ซึ่งเป็นเรื่องวิเศษสุดและน่าตื่นเต้น  และยังต้องใช้พลังงานของทุกคน  รวมทั้งความคิดที่สร้างสรรค์ด้วย

ในภาพยนตร์เรื่องนี้  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแสดงพฤติกรรมทางจิตของตัวละคร  เครื่องแต่งกายเป็นเสมือนเครื่องกรองที่ช่วยกระตุ้นให้นักแสดงตีความบทบาทของตน  มีการกำหนดสีให้กับตัวละครแต่ละตัวเพื่อสะท้อนบุคลิก  หลังจากที่ได้ดูภาพถ่ายของฟิลิปเป้ (แอนโตเนลโล่)  ผมก็ตระหนักว่าความร่วมมืออย่างแข็งขันกับผู้ออกแบบการผลิตจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ดูเหมือนว่าภาพยนตร์ร่วมสมัยจะประสบกับความยากลำบากเช่นเดียวกับภาพยนตร์ในยุคศตวรรษที่ 19
ใช่ครับ  เนื่องจากคุณจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งรอบตัวที่โจ่งแจ้งเกินไป  ภาพยนตร์ไม่เหมือนหนังสือ  คุณจะต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน
ในตอนต้น  คริสติน่าบรรยายสีที่เธอต้องการ  ฉากทุกฉากต้องมีสีเบจ สีดำ และสีขาว ใช่หรือไม่?
ในกรณีนี้  เราทราบดีแล้วว่าตัวละครใดเหมาะกับนักแสดงคนใด  ในบันทึกสั่งงานที่ทำขึ้นสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้  ผมได้รวบรวมจานสีในหน้าแรก จากนั้นเป็นภาพของนักแสดงในทุกสถานการณ์  ซึ่งการคัดสรรสีที่ถูกต้องเป็นเรื่องที่ต้องทำ  ในบางสถานการณ์จะใช้สีอ่อน  ส่วนที่เหลือจะใช้สีเข้ม
Director
คริสตินา  โคเมนชินี (ผู้กำกับและผู้เขียนบท)
คริสตินา เป็นบุตรสาวของหลุยกี โคเมนชินี  ผู้ผลิตภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง  คริสตินา โคเมนชินีมีประสบการณ์ในการเป็นทั้งผู้กำกับและผู้เขียนบท  เธอยังได้รับการยอมรับในฐานะนักประพันธ์นวนิยายซึ่งได้รับการตีพิมพ์โดยบริษัท เฟลทริเนลลี พลับบลิชชิง  และเมื่อเร็วๆ นี้ได้รวบรวมผลงานการเขียนของบิดา ได้แก่ Infanzia, vocazione, esperienze di un regista

ฟรานเซสกา  มาซิอาโน (ผู้เขียนบท)
…………………………………………………………………………………………………………………

กุยเลีย  คาเลนดา (ผู้เขียนบท)
…………………………………………………………………………………………………………………

พาโอลา  โคเมนชินี (ออกแบบเครื่องแต่งกาย)
พาโอลาเกิดที่โรมเมื่อปี ค.ศ. 1951  เธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี 1968 และจากนั้นเข้าศึกษาต่อทางด้านสถาปัตยกรรม  ในปี 1972 เธอเริ่มงานภาพยนตร์ในฐานะผู้ช่วยออกแบบการผลิต (ร่วมกับเฟอร์ดินานโด  สกาฟิอ็อตติ, ลูเซียโน ริคเคอรี, ดันเต้ เฟอร์เร็ตติ และอื่นๆ)  ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย  และในที่สุดเป็นผู้ออกแบบการผลิต

เธอทำงานร่วมกับผู้กำกับต่อไปนี้ :
…………………………………………………………………………………………………………………

บรูโน  พัปพาโร (เสียง)
บรูโนเกิดที่โรมในปี ค.ศ. 1959  เขาจบการศึกษาจาก Istituto di Stato per la Cinematografia ทางด้านเทคนิคเสียงที่ Scuola Nazionale di Cinema  ปัจจุบันเขาสอนวิชา “เทคนิคการอัดเสียง” อยู่ที่นั่น  หลังจากที่มีประสบการณ์ทำงานด้านวิทยุ ละคร  และอุตสาหกรรมการอัดเสียงเพลงแล้ว  ในปี 1986 เขาเริ่มหันมาจับงานด้านการอัดเสียงภาพยนตร์และทีวี  นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์ในภาพยนตร์โฆษณาและทีวีควบคู่กันไป เขาผลิตภาพยนตร์สารคดีมากกว่า 50 เรื่อง  ทำงานร่วมกับผู้กำกับ     หลายคน อาทิ เฟลิซ ฟาริน่า, มอริซิโอ เซียร์ร่า, ฟัลวิโอ เวทเซล, เซอรจิโอ ซิตติ, คาร์โล เวอร์ดัน,     พาโอลา และวิตโตริโอ ทาเวียนี, คาร์โล มาซซาคูราติ, เกียโคโม คัมพิอ็อตติ, กุยเซปเป้ พิคชิโอนี,     พาโอโล วีร์ซี, ฟรังซัว จีราด, วิลม่า ลาบาเต้ แอนโตนิโอ อัลบาเนเซ่, กาบริเอเล่ มุคชิโน, เวอโรเนซี และ ลีโอนาโด เพียแรคชิโอนี

ฟรังโก้  เพียซานติ (ดนตรี)
…………………………………………………………………………………………………………………

แอนโตเนลลา  เบอร์ราดี (ออกแบบเครื่องแต่งกาย)
แอนโตเนลลา  เบอร์ราดีเกิดและอาศัยอยู่ที่เมืองฟีโซเล่ ใกล้ๆ กับเมืองฟลอเรนซ์  เธอได้รับประกาศนียบัตรทางด้านศิลปะประยุกต์จากสถาบันศิลปะของรัฐในเมืองฟลอเรนซ์  และประกาศนียบัตรด้านการออกแบบฉากที่วิทยาลัยวิจิตรศิลป์ที่ฟลอเรนซ์

…………………………………………………………………………………………………………………
เซซิเลีย  ซานูโซ (เรียบเรียง)
เซซิเลีย เกิดที่เมืองมิลาน  เธอเริ่มทำงานในอเมริการะหว่างปี 1981-1986 โดยทำงานอยู่ที่นิวยอร์ค วอชิงตัน และแอลเอให้กับแนชั่นแนลจีโอกราฟฟิคโซไซตี้  สถาบันสมิทโซเนียน  บริษัทพีบีเอส เอชบีโอ เอบีซีร่วมกับผู้กำกับภาพยนตร์อิสระ  เมื่อเธอกลับยังบ้านเกิดก็หันมาจับงานด้านการโฆษณา ทีวี และมิวสิควิดีโอ  ก่อนที่จะเริ่มงานภาพยนตร์

…………………………………………………………………………………………………………………
ฟาบิโอ  ซิอันเช็ตติ (กำกับภาพ)
…………………………………………………………………………………………………………………

ประวัติด้านภาพยนตร์ : นักแสดง
จิโอวานน่า  เมซโซจิออโน (ซาบีน่า)
จิโอวานน่าเกิดที่กรุงโรมในปี 1974 เธอเป็นบุตรสาวของนักแสดงอย่างวิตโตริโอ เมซโซจิออโน และเซซิเลีย ซัสชิ เธอทำงานอยู่ที่กรุงปารีสเป็นเวลา 2 ปี  ที่เวอร์คช็อปของปีเตอร์ บรู๊ค (Le Centre International de Creations Theatrales) และเริ่มเข้าสู่วงการละครเวทีระหว่างปี 1995-96 โดยรับบทเป็นโอฟีเลีย ในละครเรื่อง Qui est la  ซึ่งเป็นผลงานละครเวทีที่สร้างสรรค์และกำกับโดยปีเตอร์ บรู๊ค  ดัดแปลงจากเรื่องแฮมเล็ทของเช็คสเปียร์  เขียนบทละครโดยอาร์โทด เบร็ช, เมเยอร์โฮล, สตานิสลาฟสกี้ และเซมี  ละครเรื่องนี้เดินสายแสดงไปทั่วยุโรป  และทำให้เธอได้รับรางวัลเพรมิโอ คอปโปลา-พราติ ในปี 1996 ในปี 1997 เธอเริ่มอาชีพการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง II Viaggio della Sposa สร้างโดยเซอร์จิโอ รูบินี  และเธอได้รับรางวัล “Nuovi Talenti del Cinema Italiano” ของ Targa d’Argento ที่งาน Grolle d’Oro Awards และได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในปี 1997-98 จากงานลูกโลกทองคำอิตาลี และ

ฟลาเอียโน
…………………………………………………………………………………………………………………

อเลสซิโอ  โบนี   (ฟรังโก้)
…………………………………………………………………………………………………………………

สเตฟาเนีย  ร็อคคา (เอมิเลีย)
…………………………………………………………………………………………………………………

แองเจล่า  ฟิน็อคคิอาโร (มาเรีย)
แองเจล่า  ฟิน็อคคิอาโร  เริ่มอาชีพการแสดงในช่วงทศวรรษ 1970 กับบริษัทละคร “Guelli di Grock” ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งร่วมกันกับมอริซิโอ นิเชทติ  ผลงานของบริษัทประกอบด้วย Spariamo alle farfalle, Felice e Carlina, La citta degli animali, Giochiamo che io ero, Vieni nel mio sogno และ Dudu Dada

ในปี 1980 เธอเล่นละครเวทีเรื่อง Panna Acida ร่วมกับคาร์ลิน่า ตอร์ล่า  และอมาโต้  เพนนาซิลิโก้  และได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Ratataplan และ Ho Fatto Splash โดยมอริซิโอ นิเช็ตติ  ภายหลังเธอ
ยังได้แสดงบนเวทีร่วมกับตอร์ล่า และเพนนาซิลิโก้อีกเป็นครั้งที่สองในเรื่อง Scala F (1981) ของพานน่า อซิด้า
ในทศวรรษ 1980 เธอได้ร่วมมือกับนิเช็ตติและกาเบรียล ซาลวาตอเรส ในรายการทีวี Quo vadiz เธอเขียนบทละครเรื่อง Viola อันเป็นส่วนหนึ่งของพานน่า อซิด้า  ซึ่งเธอได้ร่วมเดินสายไปทั่วอิตาลีในช่วงกลางทศวรรษ 1980 ทั้งเรื่อง Viola และ Scala F ได้รับการแพร่ภาพออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ RAI
…………………………………………………………………………………………………………………
กุยเซปเป้  แบททิสตัน (ผู้กำกับแอนเดรีย  เนกรี)
…………………………………………………………………………………………………………………

หลุยกี โล่  คาสซิโอ (แดเนียล)
หลุยกี โล่  คาสซิโอ จบการศึกษาด้านการแสดงจากสถาบันการละครแห่งชาติ “Silvio d’Amico” ในเดือนกรกฎาคม 1992  ด้วยผลงานการแสดงเรื่องแฮมเล็ท  ซึ่งกำกับการแสดงโดยโอราซิโอ คอสต้า  ระหว่างที่อยู่ที่สถาบันเป็นเวลา 3 ปี  เขาได้ศึกษากับผู้กำกับหลายคน รวมทั้งลูก้า รอนโคนี, มาริโอ เฟอเรโร และกุยเซ็ปเป้ มันซารี

…………………………………………………………………………………………………………………
วาเลอริโอ  บินาสโก้ (พ่อ)
วาเลอริโอ  บินาสโก้  เริ่มงานแสดงครั้งแรกในละครเรื่อง The Playboy of the Western World ที่ Teatro di Genova นอกจากนี้ยังมีผลงานเรื่อง Putta Onorata และ Buona Moglie ของโกลโดนี,  เรื่อง Inverni ของ เอส. ดารโซ-เรเปตติ, เรื่อง Arden ของฟาเวอร์ชาม กี อโนมิโม, เรื่อง II Re Cervo ของ ซี. ก็อซซิ  และเรื่อง Ivanov ของเชคอฟ  ผลงานการแสดงของเขาที่ Teatro di Genova ได้แก่เรื่อง Antigone, The Taming of the Shrew, King Lear และ Gogol’s The Inspector General

เขาได้ร่วมงานกับนักแสดงและผู้กำกับที่ได้รับการยอมรับอย่างคาร์โล เช็คติ ในเรื่อง Endgame ของซามูเอล เบ็คเคท, เรื่อง The Hothouse ของฮาโรลด์ พินเตอร์, เรื่องแฮมเล็ทของเช็คสเปียร์ (ในบทแฮมเล็ท), เรื่อง A Midsummer Night’s Dream และเรื่อง Measure For Measure
เขารับบทนำในเรื่อง The Stranger ของคามุส กำกับการแสดงโดยเอฟ. เปโร ที่ Teatro Stabile di Parma  และแสดงในเรื่อง The Room และ Anniversary ซึ่งเป็นผลงานการกำกับของโรเบอโต อันโด้
ในปี 1997 เขาเริ่มงานกำกับ งานละครเวที และนำแสดงในเรื่อง II Re Cervo ของก็อซซิ  นอกจากนี้เขายังเดินหน้ากำกับต่อไป (มักจะแสดงในผลงานการผลิตของตัวเอง) เรื่อง Bar โดยเอส. ซิโมเน, เรื่อง The Beauty Queen of Leenane ของมาร์ติน แมคโดนาฟ, เรื่อง Natalia โดยดี. มาครี, เรื่อง  Betrayal   และ Family Voices ของฮาโรลด์ พินเตอร์, เรื่อง The Seagull ของเชคอฟ และการดัดแปลงจากบทละครของโทมัส วินเทนเบอร์กเรื่อง Festen (Celebration)
…………………………………………………………………………………………………………………
ฟรานเชสกา  อินาอูดี (อนิตา)
ฟรานเชสกา  อินาอูดี  จบการศึกษาจาก the Scuola del Piccolo Teatro di Milano di Giorgio Strehler   และภายหลังได้เรียนทางด้านการเต้นรำกับแคโรลีน คาร์ลสัน  และเรียนการแสดงกับบรูซ

เมเยอร์ (นักแสดงคนหนึ่งของปีเตอร์ บรู๊ค)
ในปี 1999 เธอได้รับรางวัล Premio Hystrio alla vocazione และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Nastro D’argento ในฐานะนักแสดงหญิงสมทบยอดเยี่ยม ในปี 2004 จากภาพยนตร์เรื่อง After Midnight ของเดวิด เฟอร์ราริโอ

…………………………………………………………………………………………………………………
Awards for DON’T TELL
- รางวัลผู้สร้างหนังรุ่นใหม่จากการประกาศผลรางวัลในงานอิตาเลียนฟิล์ม
- รางวัลชนะเลิศการประกาศผลรางวัล WELLA PRIZE ANGELA FINOCCHIARO
- รางวัลชนะเลิศการประกาศผลรางวัล VOLPI CUP สาขานัแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
- รางวัลชนะเลิศ การประกาศผลรางวัล SILVER RIBBON สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
- รางวัลชนะเลิศการประกาสผลรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่มในกาลเทศกาลภาพยนตร์กรุงโรม
- รางวัลชนะเลิศการประกาศผลรางวัล UNICEF AWARD
- ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ออสการ์ สาขาภาพยนตร์ ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม

เรื่องราวแสนประทับใจของเด็กผู้ชายกับสุนัขตัวเมียแสนสวยชื่อ แลสซี่ (Lassie)

ประเภท ครอบครัว / ดราม่า / ผจญภัย
สัญชาติ อังกฤษ
กำกับการแสดง ชาร์ล สเตอริดจ์ (Fairy Tale: A True Story)
นำแสดง ซาแมนตา มอร์ตัน (In America, Minority Report),
ปีเตอร์ ดิงค์เล็จ (Elf), ปีเตอร์ โอ ทูล (Troy),
เจมม่า เรดเกรฟ (The Grid)


กำหนดฉาย 11 มกราคม 2007 (16 ธันวาคม 2005 ในอังกฤษ) (1 กันยายน 2006 ในอเมริกา)
จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
Official Site www.lassiethefilm.com


เปิดตำนาน Lassie


ตัวละคร “แลสซี่” ถือกำเนิดจากปลายปากกาของนักเขียนเชื้อสายอังกฤษ-อเมริกัน เอริค ไนท์ ในรูปแบบเรื่องสั้นที่ใช้ชื่อว่า Lassie Come-Home ซึ่งตีพิมพ์ใน Saturday Evening Post เมื่อปี 1938 และกลายเป็นนวนิยายในปี 1940 นวนิยายของ เอริค ไนท์ เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของเด็กผู้ชายจากยอร์กเชียร์คนหนึ่งที่เป็นเจ้าของสุนัขตัวเมียแสนสวยชื่อ แลสซี่ แต่โชคร้ายที่ครอบครัวของเขาประสบมรสุมทางการเงินจนต้องขายเจ้าแลสซี่ให้กับเศรษฐีที่อยู่ไกลออกไปหลายไมล์ในสก๊อตแลนด์ แต่ด้วยสัญชาติญาณ เจ้าแลสซี่ได้หนีออกจากบ้านเศรษฐีและกลับมาหาเจ้าของตัวน้อยที่รักมันอย่างจริงใจ


ปี 1943 หนังสือเล่มนี้ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกโดยใช้ชื่อว่า Lassie Come Home ซึ่งเล่าเรื่องราวเหมือนในหนังสือ และนำแสดงโดย ร็อดดี้ แม็คโดเวลล์ หลังจากนั้นแลสซี่ก็ถูกสร้างเป็นเวอร์ชั่นต่างๆอีกมากมายทั้งภาพยนตร์และซีรี่ย์ นับรวมแล้วแลสซี่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว 10 ครั้ง และเป็นซีรี่ย์ทางโทรทัศน์มาแล้วกว่า 675 ชั่วโมง แลสซี่ฉบับภาพยนตร์เรื่องแรกที่ใช้ชื่อว่า Lassie นั้น มีภาคต่อทางโทรทัศน์ตามมาอีกมากมาย โดยมีดาราฮอลลีวู้ดระดับตำนานนำแสดง ไม่ว่าจะเป็น อลิซาเบธ เทย์เลอร์, มิคกี้ รูนี่ย์, ร็อดดี้ แม็คโดเวลล์ และ จิมมี่ สจ๊วร์ต Lassie ฉบับซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ได้รับรางวัล Emmy ถึง 2 ครั้ง และเป็นซีรี่ย์ที่ยืนโปรแกรมฉายนานที่สุด ทั้งยังได้ออกฉายใน 50 ประเทศทั่วโลกด้วย


ซีรี่ย์ทางโทรทัศน์
• Lassie (ซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ ปี 1954-1974 อีกชื่อหนึ่งคือ Jeff’s Collie, Timmy and Lassie)
• Lassie’s Rescue Rangers (อนิเมชั่นซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ ปี 1973)
• Lassie: A New Beginning (ภาพยนตร์ ปี 1978)
• The New Lassie (ซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ ปี1989)
• Meiken Lassie (อนิเมชั่นทางโทรทัศน์ ปี 1996 โดยบริษัท Nippon Animation ของญี่ปุ่น)
• Lassie (ซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ ปี 1997)

ภาพยนตร์
• Lassie Come Home (1943)
• Son of Lassie (1945)
• Courage of Lassie (1946)
• Hills of Home (1948)
• The Son comes up (1949)
• Challenge to Lassie (1950)
• The Painted Hill (1951)
• The Magic of Lassie (1978)
• Lassie, Best Friends are forever (1994)
• Lassie (2005)


การเดินทางของแลสซี่
1938 เรื่องสั้น Lassie Come Home ของ อีริค ไนท์ ได้รับการตีพิมพ์ใน The Saturday Evening Post
1940 อีริค ไนท์ ขยายเรื่องราวของแลสซี่เป็นนวนิยาย ซึ่งขึ้นแท่นหนังสือขายดีในเวลาต่อมา
1943 Lassie Come Home ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ ซึ่งนำแสดงโดย อลิซาเบธ เทย์เลอร์, ร็อดดี้ แม็คโดเวลล์ และ แลสซี่
1945 ภาพยนตร์เรื่อง Son of Lassie ออกฉาย
1946 รายการวิทยุ Lassie ออกอากาศ และยืนโปรแกมนานถึงปี 1949
1946 ภาพยนตร์เรื่อง Courage of Lassie ออกฉาย
1948 ภาพยนตร์เรื่อง Hills of Home ออกฉาย
1949 ภาพยนตร์เรื่อง The Sun comes up ออกฉาย
1950 ภาพยนตร์เรื่อง The Challenge to Lassie ออกฉาย
1951 ภาพยนตร์เรื่อง The Painted Hill ออกฉาย
1954 ซีรี่ย์เรื่อง Lassie ออกอากาศครั้งแรก และฉายติดต่อกันยาวนานถึง 20 ปี ถือเป็นซีรี่ย์ที่ยืนโปรแกรมฉายนานที่สุดในวงการโทรทัศน์เลยทีเดียว
1955 Lassie ได้รับรางวัล Emmy Award สาขาซีรี่ย์ทางโทรทัศน์สำหรับเด็กยอดเยี่ยม
1956 Lassie ได้รับรางวัล Emmy Award สาขาซีรี่ย์ทางโทรทัศน์สำหรับเด็กยอดเยี่ยมอีกครั้งในปีถัดมา
1957 จอห์น โพรวอสท์ เข้ามาร่วมแสดงในซีรี่ย์ Lassie และทำให้บททิมมี่กลายเป็นอมตะ
1960 แลสซี่ได้รับดาวเป็นเกียรติใน Hollywood Walk of Fame
1963 ซี่รี่ย์ The Journey จำนวน 5 ตอน ออกฉายทางโทรทัศน์ และต่อมาก็ตัดค่อใหม่เป็นภาพยนตร์ภายใต้ชื่อ Lassie’s Great Adventure
1964 โรเบิร์ท เบรย์ เข้ามาแสดงเป็น โครี่ สจ๊วร์ท เจ้าของคนใหม่ของแลสซี่ ในตอนใหม่ที่เป็นภาพสี
1964 กำเนิดสมาคม Lassie
1973 การ์ตูน Lassie’s Rescue Ranger ออกฉายทางช่อง CBS
1975 Lassie, Adventure of Neeka ออกฉาย
1979 ภาพยนตร์เรื่อง The Magic of Lassie ออกฉาย
1989 ซีรี่ย์เรื่อง The New Lassie ออกฉายทางโทรทัศน์
1994 ภาพยนตร์เรื่อง Lassies, Best Friends are forever ออกฉาย
1997 ซีรี่ย์ Lassie ตัวใหม่ออกฉายทางช่อง Discovery Channel’s Animal Planet
2004 ฉลองครบรอบ 50 ปีทีวีซีรี่ย์เรื่อง Lassie
2005 ภาพยนตร์เกี่ยวกับแลสซี่เรื่องที่ 11 ออกฉาย

ว่าด้วยดาราสี่ขา

สุนัขตัวแรกที่รับบทเป็น แลสซี่ ชื่อ “พัล” เจ้าของคือนักฝึกสัตว์ รัดด์ เวเธอร์แว็กซ์ และน้องชายของเขา แฟรงค์ เวเธอร์แว็กซ์ เจ้าพัลกลายเป็น 1 ใน 3 นักแสดง 4 ขาที่มีชื่อปรากฎใน Hollywood Walk of Fame โดยอีกสองตัวคือหมาจากภาพยนตร์เรื่อง Rin Tin Tin และ Strongheart วันนี้ถึงแม้เจ้าพัลจะตายไปนานแล้ว แต่ก่อนตายมันได้ออกลูกออกหลานไว้นับร้อย หลายตัวได้แสดงเป็น แลสซี่ในเวลาต่อมา ซึ่งส่วนมากจะเป็นตัวผู้มากกว่าตัวเมีย เพราะขนสวยกว่าและตัวใหญ่กว่า


ใน Lassie ฉบับล่าสุดนี้สุนัขที่แสดงบางตัวไม่ได้เป็นสายเลือดของ “พัล” จริงๆ แต่ตัวที่เป็นสายเลือดจริงๆ จะแสดงในฉากที่สำคัญๆ โดยสตันท์ 4 ขาทั้งหมดจะมีลักษณะใกล้เคียงกับแลสซี่ต้นฉบับ นั่นก็คือ ตัวใหญ่ ขนยาว 3 สี ได้แก่ ขาว น้ำตาลอ่อน และน้ำตาลเข้ม ทั้งนี้เป็นเพราะเชื้อสายของเจ้าพัลที่ได้รับการฝึกอย่างดีพอจะแสดงภาพยนตร์ได้นั้นมีอยู่ไม่กี่ตัว นอกจากนี้การที่หนังถ่ายทำในอังกฤษแต่ลูกหลานแลสซี่อยู่ในอเมริกายังทำให้เกิดปัญหาเรื่องพาสปอร์ตและการทำเรื่องขอเดินทางข้ามประเทศของสุนัขด้วย เพราะกฎหมายเรื่องการนำสัตว์เข้าประเทศของอังกฤษนั้นเข้มงวดมากหลังเหตุการณ์ 11 กันยา และหลังจากที่โรควัวบ้าระบาด กว่าจะยื่นเรื่องขอเข้าประเทศได้ก็ต้องใช้เวลาเกือบ 6 เดือน ซึ่งอาจไม่ทันเปิดกล้อง จึงต้องใช้บริการจากบริษัทอเมริกันที่ฝึกสุนัขเพื่อการแสดงโดยเฉพาะ เพราะบริษัทเหล่านี้มีพาสปอร์ตสุนัขอยู่แล้ว และเดินทางข้ามประเทศก็เป็นเรื่องปกติ




เรื่องย่อ
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ ยอร์กเชียร์ เมืองแห่งเหมืองแร่ หลังจากประสบความฝืดเคืองอย่างรุนแรง ครอบครัวคาราคลัฟจำต้องขาย แลสซี่ สุนัขแสนรักของพวกเขาให้กับท่านดยุค รัดลิ่ง (ปีเตอร์ โอทูล) แลสซี่ถูกพาไปยังปราสาทหรูในสก๊อตแลนด์ของท่านดยุคซึ่งอยู่ไกลออกไปกว่า 500 ไมล์ แต่เจ้าหมาไม่อาจทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยได้ มันจึงออกเดินทางข้ามประเทศ ผ่านภูมิประเทศและอันตรายทั้งจากธรรมชาติและมนุษย์มากมายนานัปการ เพื่อกลับมาหาเจ้าของอันเป็นที่รักให้ทันวันคริสมาสต์

นักแสดงและตัวละคร
โจนาธาน เมสัน รับบทโจ คาราคลัฟ
หนุ่มน้อยวัย 9 ขวบคนนี้เกิดในแบรดฟอร์ดทางตอนเหนือของเกาะอังกฤษ Lassie คือผลงานภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของเขา ก่อนหน้านี้เมสันเคยรับบทนำในภาพยนตร์สั้นเรื่อง Nits ที่เข้าชิงรางวัล BAFTA และชนะรางวัล Kodak Award ที่เทศกาลภาพยนตร์เอดินเบิร์กมาแล้ว ส่วนผลงานทางโทรทัสศน์ของเขาคือ At Home with the Braithwaites และ Emmerdale
“ในหนังเรื่องนี้ แลสซี่คือหมาของผม ครอบครัวของเราจนมากจนต้องขายมันให้คนอื่น แต่มันไม่ยอมไป ผมเลยต้องบอกมันว่ามันเป็นหมาไม่ดี ไปซะ แต่มันก็ยังกลับมาอยู่ดี แลสซี่ป่วยมาก เจ้าคริกเก็ตมาสะกิดบอกผม ผมเลยตามมันไปที่โบสถ์และเจอแลสซี่ในสภาพแย่มาก และพามันกลับบ้าน”


จอห์น ลินช์ รับบท แซม คาราคลัฟ
ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ผ่านมาของ จอห์น ลินช์ ได้แก่ Isolation, The Beacon, Conspiracy of Silence, The Bridge of San Luis, Evelyn ส่วนผลงานทางโทรทัศน์ของเขาได้แก่ Bleak Hose และ Baby War นอกจากนี้ ลินช์ ยังมีผลงานละครเวทีอีกมากมาย อาทิ The Seagull, The Way South และ By the Border
“ผมรับบทเป็น แซมคาราคลัฟ กรรมกรเหมืองถ่านหิน สามีของ ซาร่า คาราคลัฟ และพ่อของ โจ คาราคลัฟ ครอบครัวของเราเป็นเจ้าของเจ้าแลสซี่ก่อที่สถานการณ์บีบบังคับให้เราต้องขายมันให้กับตัวละครของปีเตอร์ โอทูล (ท่านดยุครัดลิ่ง)”


ซาแมนธา มอร์ตัน รับบ ซาร่า คาราคลัฟ
มอร์ตันคือ นักแสดงนำหญิงที่อยู่แถวหน้าในบรรดานักแสดงรุ่นเดียวกัน เธอได้แสดงภาพยนตร์คุณภาพและร่วมงานกับผู้กำกับฝีมือเก๋ามาแล้วมากมายรวมทั้ง สตีเว่น สปีลเบิร์ก และ วู้ดดี้ อัลเลน มอร์ตันได้เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว 2 ครั้งจาก Sweet and Lowdown และ In America


สตีฟ เพมเบอร์ตัน รับบท เอ็ดดี้ ไฮนส์
สตีฟ เพมเบอร์ตันโด่งดังมากจากซีรี่ย์คอเมดี้ของ BBC เรื่อง The League of Gentlemen ที่เขาทั้งเขียนบทและแสดงนำ จนได้รับรางวัล The Royal Television Society, The Golden Rose of Montreux และ BAFTA ซีรี่ย์เรื่องนี้ได้กลายเป็นภาพยนตร์ในเวลาต่อมาภายใต้ชื่อ The League of Gentlemen’s Apocalypse ซึ่งเขาเขียนบทและร่วมแสดงเช่นเดิม ผลงานเด่นเรื่องอื่นๆของเพมเบอร์ตัน ได้แก่ ภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy และซีรี่ย์ทางช่อง HBO เรื่อง The Life and Death of Peter Seller
“เอ๊ดดี้ เป็นผู้คุมสัตว์เลี้ยงของท่านดยุค (ปีเตอน์ โอทูล) ดังนั้นหน้าที่ของผมคือดูแลพวกมัน และเมื่อผมได้ แลสซี่ มาจากครอบครัวคาราคลัฟ ผมก็ฝึกมัน และในการฝึกผมก็ตีมัน แลสซี่เลยหนีจากสก๊อตแลนด์ไปยอร์กเชียร์ เพราะฉะนั้นอาจกล่าวได้ว่าผมเป็นต้นเหตุให้เจ้าแลสซี่ต้องออกเดินทางผจญภัย”
“ความจริงผมว่าเอ๊ดดี้เป็นคนน่าสงสารนะ เขาเป็นคนตัวเล็กๆ ไม่มีปากมีเสียง ไม่มีใครใส่ใจเขาโดยเฉพาะในหมู่บ้าน แต่เวลาอยู่กับหมา เขาจะรู้สึกมีอำนาจ และคุณจะรู้สึกเศร้าเมื่อดยุครัดลิ่งไล่เขาออกจากงาน ตอนนั้นเอ๊ดดี้เหมือนสูญเสียทุกอย่างในชีวิต”


ปีเตอร์ ดิงค์เลจ รับบท โรว์ลี่ย์
ผลงานภาพยนตร์เรื่องเด่นของดิงค์เลจ คือ Find Me Guilty ประกบ วิน ดีเซล, The Baxter ที่ได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ Tribeca, The Little Fugitive, Human Nature ที่เขียนบทโดย ชาร์ลี คอฟแมน
“โรวลี่ย์ คือ นักเชิดหุ่นเร่ร่อนที่เดินทางบนหลังม้าในกองคาราวานและมีหมาหนึ่งตัวชื่อ ทูทส์ เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งเพื่อเชิดหุ่นให้เด็กๆดู ซึ่งนั่นคือวีธีการเลี้ยงชีพของเขา ส่วนที่พักของโรสลี่ย์คือป่ามืดทึบที่เขาตั้งแคมป์นอน”


ปีเตอร์ โอทูล รับบท ท่าดยุครัดลิ่ง
ปีเตอร์ โอทูล โลดแล่นในวงการมาแล้วเกือบ 5 ทศวรรษ และได้เข้าชิงรางวัลทรงเกียรติมาแล้วมากมาย ทั้ง ออสการ์, ลูกโลกทองคำ และ BAFTA ผลงานเรื่องเด่นของโอทูลได้แก่ Lawrence of Arabia, The Lion in Winter, Goodbye Mr.Chips, Becket, What’s New Pussycat?, The Last Emperror, My Favorite Year, The Stunt Man, The Ruling Class, Lord Jim


ชาร์ล สเตอร์ริดจ์ – กำกับ/เขียนบท/อำนวยการสร้าง


ผลงานการกำกับทางโทรทัศน์ >> Brideshed Revisited (1981, คว้ารางวัลลูกโลกทองคำมาได้ 2 รางวัล และรางวัล British Academy Award 6 รางวัล รวมถึง รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและซีรี่ย์ยอดเยี่ยมด้วย), Foreign Field (1993), Gulliver’s Travels (1996), Longitude (2001), Shackleton (2002)
ผลงานการกำกับภาพยนตร์ >> Runners (1982, นำแสดงโดย เจมี่ ฟ็อกซ์ และ เจน แอชเชอร์), A Handful Dust (1988, นำแสดง คริสติน สก๊อตต์ โธมัส และ อเล็กซ์ กินเนส), Where Angels Fear to Tread (1991, เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ และ จูดี้ เดวิส), Fairy Tale: A True Story (1997, นำแสดงโดย ฮาร์วี่ย์ ไคเทล, ปีเตอร์ โอทูล และชนะรางวัล British Academy Award สาขาภาพยนตร์เด็กยอดเยี่ยม), Ohio Impromptu (นำแสดงโดย วาเนสซ่า เรดเกรฟ และได้รับรางวัล Best LWT Awards)